วันที่ 28 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 29 ต.ค. เพื่อพิจารณาสถานะสมาชิกพรรคของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเสนอให้พรรคขับนายสามารถให้พ้นสมาชิกพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค เคยระบุถึงกรณีพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป พร้อมกับมีคลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียงนักการเมืองคนหนึ่งในพรรค เรียกรับผลประโยชน์จากผู้บริหารดิ ไอคอนกรุ๊ป และทางพรรคได้ให้นายสามารถ พ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรค ทันทีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อปี 64 นายสามารถในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำเเหง ถูกสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยรามคำเเหง แจ้งว่า สถาบันฯ ได้ตรวจสอบพบว่ามีผู้มาเรียนและเข้าสอบแทนนายสามารถ ตั้งแต่วันที่ 6-7 มี.ค. 64 ในการนี้สถาบันฯ ได้ตัดสิทธิ์ในการเรียนวิชาดังกล่าวของนายสามารถเเล้ว หลังถูกพบว่ามีนายตำรวจยศ พ.ต.ท.ไปเรียนและเข้าสอบหลักสูตรภาษาอังกฤษระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง แทน ซึ่งมีการทวงถามเหตุใดถึงยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ความผิดชัดเจนนั้น

 

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งว่า แกนนำพรรคมีการหารือว่า ต้องสอบถามมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกครั้งว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะในตอนนั้นทางพรรคสั่งปลดนายสามารถ พ้นจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ พรรคพลังประชารัฐ คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดการฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ และห้ามไม่ให้นายสามารถใช้เครื่องหมายของพรรคพลังประชารัฐ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพรรค 

 

โดยคาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องนี้เพื่อตอบสังคม และแสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้นิ่งเฉย ไม่ได้ปกป้องสมาชิกพรรคที่กระทำผิด ทั้งนี้ยังพบว่านายตำรวจที่ตกเป็นกรณี เคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ของนายสามารถอีกด้วย 

 

ล่าสุดผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงกำลังเตรียมพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ เพราะมีการประสานจากแกนนำพรรคสอบถามถึงเหตุผลว่า ทำไมขณะนั้นมหาวิทยาลัยจึงยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ผลการสอบสวนภายในและผลการสอบสวนของพรรคพลังประชารัฐออกมาตรงกันว่า มีพฤติกรรมตามที่ถูกตรวจสอบจริง

 

นอกจากนี้ มีรายงานว่านายตำรวจยศ พ.ต.ท. คนดังกล่าวได้เลื่อนยศเป็น พ.ต.อ. ตำแหน่ง ผกก.สน.แห่งหนึ่งในสังกัดบช.น. และเมื่อไม่นานมานี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนที่กรณีเข้าเรียนและสอบแทนนายสามารถให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการกับนายตำรวจคนนี้ต่อไป