สร้างความวิตกกังวลมิใช่น้อยให้แก่หลายๆ ฝ่าย กับข้อครหาทั้งจากทางการเกาหลีใต้ และทางการยูเครน ที่ออกมาชี้นิ้วกล่าวโทษว่า เกาหลีเหนือส่งทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลทหารหาญ ไปร่วมกับกองทัพรัสเซีย ในการทำสงครามรุกรานยูเครน
โดยการเปิดเผยจากทางฝั่งเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดเผยโดยกองทัพและกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ อ้างอิงข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ หรือเคซีไอเอ รวมถึงหน่วยสายลับของเกาหลีใต้ หรือเอ็นไอเอส ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และทหารไปร่วมรบกับกองทัพรัสเซียในสงครามยูเครน
รายละเอียดตามข้อมูลของหน่วยเคซีไอเอ ก็เปิดเผยว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกาหลีเหนือ ส่งไปให้กองทัพรัสเซียใช้ถล่มโจมตีพื้นที่ต่างๆ ในยูเครนนั้น ก็เป็นขีปนาวุธแบบฮวาซองรุ่นต่างๆ ซึ่งถือเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง นอกจากนี้ ก็ยังกระสุนปืนใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนกำลังพลทหารหาญ ที่เกาหลีเหนือ จัดส่งไปสนธิกำลังกับทหารของกองทัพรัสเซีย เพื่อร่วมรบในสมรภูมิต่างๆ ในยูเครนนั้น ก็ส่งไปให้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านๆ มาจำนวน 1,500 นาย โดยทหารของเกาหลีเหนือที่ว่า ก็มิใช่มาจากหน่วย สังกัดกรมกองธรรมดาๆ แต่เป็นถึงทหารจากหน่วยรบพิเศษ ที่มีขีดความสามารถทางการรบระดับชั้นยอดกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ทางหน่วยข่าวกรองเคซีไอเอ ยังเปิดเผยด้วยว่า เกาหลีเหนือยังมีแผนการที่จะส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบกับยูเครนอีกจำนวน 4 กองพลน้อย หรืประมาณ 12,000 นาย ซึ่งทหารเหล่านี้ จำนวนหนึ่งได้เริ่มทยอยส่งเข้าไปในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียไปบ้างแล้ว เพื่อเข้ารับการฝึกฝนทางการทหารเพิ่มเติม ก่อนที่จะส่งไปยังแนวหน้าของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ร่วมทัพกับรัสเซียต่อไป ซึ่งในเวลานี้ เกาหลีเหนือได้ส่งทหารเข้าไปสมทบกับกองทัพรัสเซียแล้วอย่างน้อย 3,000 นายด้วยกัน
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ยังเปิดเผยว่า มีทหารเกาหลีเหนือไปเสียชีวิตในสมรภูมิรบยูเครนจำนวนอย่างน้อย 6 นาย จากการที่ถูกองทัพยูเครน ยิงขีปนาวุธโจมตีพื้นที่เมืองโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อช่วงต้นเดือนนี้
ขณะเดียวกัน ทางด้านทางการยูเครน โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีทหารเกาหลีเหนือมาร่วมกับกองทัพรัสเซีย ในการสู้รบกับยูเครนด้วยเช่นกัน ก่อนเรียกร้องให้บรรดาชาติพันธมิตร ดำเนินมาตการตอบโต้ รวมถึงช่วยเหลือต่อยูเครนเพิ่มขึ้น
บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า การที่เกาหลีเหนือ ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่รัสเซียนั้น ก็เป็นไปตามข้อแลกเปลี่ยนตกลง ที่ทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนายคิม จองอึน ทำข้อตกลงไว้ร่วมกัน ในระหว่างที่ประธานาธิบดีปูติน เดินทางมาเยือนกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือเมื่อช่วงกลางปีนี้ นั่นเอง
โดยข้อตกลงข้างต้น ทางเกาหลีเหนือจะให้ความสนับสนุนทางการทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดกระสุนดินดำต่อรัสเซีย ส่วนทางรัสเซียก็จะให้ความช่วเหลือด้านเทคโนโลยีด้านอวกาศที่พวกเขามีความสันทัดในการพัฒนาระบบดาวเทียมให้แก่เกาหลีเหนือเป็นการตอบแทน
กอปรกับทางการเกาหลีเหนือ ก็ต้องการสร้างเสริมประสบการณ์ด้านการทหาร การรบ แบบสถานการณ์จริง ให้แก่กำลังพลในกองทัพ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา ทางกองทัพก็ไม่ค่อยมีรายการซ้อมรบร่วมกับกองทัพชาติอื่นๆ เป็นประจำทุกปี เฉกเช่นเกาหลีใต้ ก็อาจจะทำให้กำลังพลของเกาหลีเหนือ เสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม หากเกิดการสู้รบขึ้นมาจริงๆ ดังนั้น รัฐบาลเปียงยางภายใต้การนำของผู้นำสูงสุดคิม จอง-อึน จึงได้ส่งทหารไปเข้าร่วมรบกับกองทัพรัสเซีย
ขณะที่ ทั้งทางการรัสเซีย และเกาหลีเหนือ ได้ออกมาปฏิเสธว่า รายงานข่าวที่มีทหารเกาหลีเหนือ ร่วมกองทัพรัสเซีย ในการรบกับยูเครนนั้น ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด
อย่างไรก็ตาม ทางการเยอรมนี โดยกระทรวงการต่างประเทศ เรียกตัวแทนของนักการทูตเกาหลีเหนือประจำเยอรมนีในกรุงเบอร์ลินมาเข้าพบ พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยที่เกาหลีเหนือ ส่งทหารมาช่วยรัสเซียรบกับยูเครน
ทั้งนี้ ทางการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี ยังระบุด้วยว่า หากเกาหลีเหนือส่งทหารมาช่วงรัสเซียรบในสงครามยูเครนจริงตามข้อกล่าวหาข้างต้น ก็ถือว่า เกาหลีเหนือทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกระทำการอันเป็นที่เสี่ยงอันตรายต่อภัยความมั่นคงของภูมิภาคยุโรป รวมถึงเยอรมนีเองด้วย
ทางด้านปฏิกริยาล่าสุดของเกาหลีใต้ ในฐานะที่ยังเป็นประเทศคู่สงครามกับเกาหลีเหนือตามนิตินัย ในสงครามเกาหลี ที่ทั้งสองประเทศสู้รบกัน เมื่อกว่า 70 ปีก่อน ทางประธานาธิบดียุน ซุกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ได้ออกมาเตือนต่อเกาหลีเหนือว่า ให้เร่งถอนทหารออกจากสมรภูมิรบในสงครามรัสเซีย-ยูเครนทันที
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยังขู่ด้วยว่า หากเกาหลีเหนือยังคงให้ความช่วยเหลือต่อรัสเซียในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังทหารอย่างที่เป็นอยู่นี้ ทางการเกาหลีใต้ ก็กำลังพิจารณาที่จะให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลทหารหาญแก่ยูเครน ในการทำสงครามกับรัสเซีย ที่มีเกาหลีเหนือไปเข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนว่า การออกมาเตือนและขู่จากทางเกาหลีใต้ข้างต้น ก็เป็นไปตามเสียงเรียกร้องจากบางประเทศในชาติพันธมิตรตะวันตกด้วยเหมือนกันที่ต้องการเกาหลีใต้ ในฐานะชาติผู้ส่งออกอาวุธสงครามระดับแถวหน้าของโลกประเทศหนึ่ง จากการที่พัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์จนมีเทคโนโลยีทันนสมัย ให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ยูเครนแบบโดยตรง แต่ทางการเกาหลีใต้ ก็ดูจะอิดออด เพราะผิดหลักการที่เกาหลีใต้ยึดถือมาก่อนหน้านั้น จะไม่ส่งออกอาวุธไปในพื้นที่ขัดแย้ง หรือพื้นที่สงคราม
อย่างไรก็ดี ทางประธานาธิบดียุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ ก็ระบุว่า อาจพิจารณาสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครนในแบบทางอ้อม เพื่อไม่ให้ฝินกับหลักการของเกาหลีใต้ที่เคยยึดถือมาข้างต้น
ทว่า ทั้งการส่งอาวุธและกำลังพลทหารหาญของเกาหลีใต้ ที่กำลังพิจารณาโดยรัฐบาลกรุงโซลนี้ ก็สร้างความเป็นห่วงให้แก่ฝ่ายต่างๆ อยู่เหมือนกันว่า อาจทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทวีความซับซ้อนขึ้น และสงครามอาจลุกลามบานปลาย หากทั้งสองเกาหลี ใช้ยูเครนมาเป็นสมรภูมิของพวกเขา ในยามที่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในการสู้รบ