เมื่อวันที่ 27 ต.ค.67 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์คลิปให้สัมภาษณ์ในรายการTNN ข่าวเที่ยง ประเด็น สู้รบลามภูมิภาค? ใครจะหยุดยั้ง "เนทันยาฮู" ผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn พร้อมระบุข้อความว่า...

อิสราเอลแถลงว่าการโจมตีอิหร่านสิ้นสุดลงแล้ว (พรุ่งนี้ต้องจับตาดูการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกันรอบใหม่ระหว่างฮามาสและอิสราเอลที่ Doha)

เกือบ 4 สัปดาห์หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอลประมาณ 200 ลูก มีคนเสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีกหลายคนผ่านไป การโจมตีกลับของอิสราเอลที่เกรงกันว่าจะบานปลายเป็นสงครามภูมิภาคตะวันออกกลางหรือใหญ่กว่านั้นก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาหลังจากการพูดคุยและตกลงกันได้เรื่องเป้าหมายที่จะโจมตีระหว่างปธน.สหรัฐฯ กับนายรัฐมนตรีอิสราเอลและระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศได้เสร็จสิ้นลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ

ผลของการโจมตีอิหร่านในครั้งนี้ คงจะต้องรอให้เกิดความชัดเจนมากกว่านี้ ภายใต้สงครามข่าวสารที่ทุกฝ่ายทำอย่างเข้มข้นควบคู่กันไป ซึ่งทำให้ไม่มีโอกาสได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดได้เลยนอกเหนือจากที่แต่ละฝ่ายต้องการให้เราเข้าใจ (หลังปฏิบัติการสิ้นสุดลง สหรัฐฯ ออกมาแถลงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตี)

แต่ในภาพรวมของการโจมตีในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการทางทหารที่ซับซ้อนของอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เครื่องบินรบและยานบินไร้คนขับต้องเดินทางไกลถึง 1,600 กิโลเมตร พร้อมกับต้องมีการยิงระยะไกลที่แม่นยำด้วยการช่วยเหลือจากหลายฝ่าย ไปยังเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ที่ตั้งของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน ศูนย์บัญชาการรบ ที่ตั้งสำคัญของหน่วยทหารของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corps - IRGC) โรงงานผลิตอาวุธโดยเฉพาะขีปนาวุธและอื่นๆ ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าได้รวมถึงที่ตั้งของห้องทดลองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยหรือไม่ และก็ไม่มีรายงานว่ามีการโจมตีบ่อน้ำมันของอิหร่าน แต่มีข่าวว่าอิสราเอลและพันธมิตรในปฏิบัติการครั้งนี้ หลีกเลี่ยงเป้าหมายที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะฝ่ายที่กำลังเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอิหร่านอยู่ในขณะนี้

การปฎิบัติการเริ่มต้นเมื่อกลางดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมาและต่อเนื่องไปหลายชั่วโมงจนถึงเช้าวันนี้ ทั้งในเมืองหลวงกรุง Tehran และที่เมืองอื่น ๆ เช่น Khuzestan และ Ilam รวมทั้งทางตอนเหนือและตอนกลางที่ประเทศซีเรียด้วย วัตถุประสงค์ทางทหารในการโจมตีครั้งนี้ที่สำคัญก็คือการลดทอนขีดความสามารถทางทหารของอิหร่านและพันธมิตร โดยเฉพาะการป้องกันตัวทางอากาศและความสามารถในการผลิตอาวุธของอิหร่าน การควบคุมบังคับบัญชาสั่งการทางการทหารและของกองกำลังกลุ่มต่อต้านในซีเรีย และทำลายขวัญกำลังใจของผู้นำอิหร่าน ของกลุ่มชีอะห์ในซีเรียและผู้ที่ศรัทธา ที่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับและหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในที่ปลอดภัย

ในที่สุดขณะนี้ กองทัพอิสราเอลได้ออกมาแถลงว่าการปฏิบัติการทางทหารสิ้นสุดแล้ว เครื่องบินรบของอิสราเอลได้กลับถึงที่ตั้งเรียบร้อย และได้บรรลุเป้าหมายทางทหาร คือได้ "ชลอหรือยับยั้งภัยคุกคามเฉพาะหน้า" ได้สำเร็จ และยังแถลงด้วยว่าอิสราเอลหวังว่าอิหร่านจะไม่ทำอะไรให้ต้องโต้ตอบกันอีก ซึ่งก็สอดคล้องกับทางสหรัฐฯ ที่ได้ออกมาแถลงเช่นเดียวกัน และถือว่าเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ของฝ่ายบริหารอเมริกันและประธานาธิบดีไบเดน ที่อาจจะได้คะแนนนิยมภายในประเทศอีกส่วนหนึ่งให้กับรองประธานาธิบดี Harris ที่กำลังต้องการชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

ส่วนอิหร่านก็ได้แถลงถึงความสำเร็จในการป้องกันตัว และคงจะได้ประโคมโหมโรงให้ชาวอิหร่านและชาติอาหรับเห็นว่ายิวทำอะไรตนเองไม่ได้ แต่ก็ได้ยอมรับว่าได้เกิด "ความเสียหายอย่างจำกัด" ขึ้นบ้างและก็เป็นไปตามที่ผู้นำระดับสูงของ IRGC ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ถ้าการโจมตีเกิดขึ้นอย่างจำกัด โอกาสที่อิหร่านจะโต้ตอบอีกก็คงมีไม่มาก

ทั่วโลกคงจะถอนหายใจได้ในระดับหนึ่งว่าเหตุการณ์ยังไม่น่าจะบานปลายไปไกลกว่านี้ และก็คงจะจับตาดูสถานการณ์หลังจากนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่จะมีการเจรจาหยุดยิงรอบใหม่ระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลที่กรุง Doha วันอาทิตย์พรุ่งนี้ ซึ่งทั้งสหรัฐฯและกาตาร์ก็จะเข้าร่วมด้วย

หวังว่าคนไทยที่ยังถูกจับไปเป็นตัวประกันยังปลอดภัยและจะได้รับการปล่อยตัวออกมาในเร็ววัน ดูจากบันทึกของอดีตผู้นำ Sinwar ที่เพิ่งเสียชีวิตไปในเรื่องคำสั่งที่เกี่ยวกับตัวประกันที่เพิ่งถูกเผยแพร่ออกมา ก็ยังคงมีความหวังได้บ้างเพราะเขาสั่งเน้นให้รักษาชีวิตตัวประกันไว้เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนและต่อรอง แม้จะเชื่อกันว่าตัวประกันในขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว 94 คน