วันที่ 26 ต.ค. 67 นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่สภาฯ ไม่รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม จะทำให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่นั่งเป็นประธาน จะน้อยใจในเรื่องนี้หรือไม่ และพรรคเพื่อไทย ยอมพรรคร่วมรัฐบาลเกินไปหรือไม่ว่า  ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงในแต่ละประเด็นเป็นข้อๆเพื่อความชัดเจนดังนี้

 

1. รายงานผลการศึกษาของคณะกมธ.นั้นแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือตัวรายงาน และส่วนที่สองคือข้อสังเกตของคณะกมธ. ซึ่งส่วนที่หนึ่งซึ่งเป็นตัวรายงานนั้น สภาผู้แทนราษฎรเพียงแค่รับทราบ โดยไม่ต้องลงมติในขณะที่ส่วนที่สอง ซึ่งเป็นข้อสังเกตนั้น ต้องมีการลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่  แม้สภาโหวตไม่เห็นชอบกับส่วนที่สองซึ่งเป็นข้อสังเกต ตัวรายงานส่วนที่หนึ่งนั้นถูกรับทราบโดยสภาไปแล้วตามกฎหมาย

 

2. พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีมติให้ส.ส.ของพรรคโหวตไปทางหนึ่งทางใด ซึ่งผลปรากฏว่ามีสมาชิกประมาณ 115 คนโหวตไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกต ซึ่งก็เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคนซึ่งมีเหตุผลแตกต่างกันไป นายชูศักดิ์เป็นผู้อาวุโส ไม่ได้น้อยใจใดๆ

 

3. แม้สมมุติว่าสภาเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกมธ. เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปพิจารณา ผลการลงมติของสภาก็ไม่สามารถไปบังคับครม.และรัฐบาลให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้อยู่ดี ดังนั้นผลในทางปฏิบัติจึงไม่เกิดขึ้น ส่วนครม.จะขับเคลื่อนการนิรโทษกรรมอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ครม.หรือรัฐบาลจะไปพิจารณาร่วมกัน ซึ่งไม่ต้องผูกมัดกับมติของสภาผู้แทนราษฎร

 

4. ต่อไปนี้เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะไปพิจารณาว่าจะเสนอร่าง พรบ.นิรโทษกรรมหรือไม่ และถ้าเสนอจะนิรโทษความผิดใดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่จะรับผิดชอบทางกฎหมายและทางการเมืองของตนเอง

 

5. พรรคเพื่อไทยยืนยันอย่างหนักแน่นมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายและแนวคิดที่จะรวมความผิดตามมาตรา 110 และ 112 เพื่อนิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112  

 

“  การนิรโทษกรรมทางการเมืองนั้นจะต้องนำไปสู่ความปรองดองและสมานฉันท์ในชาติ และไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต หวังว่าทุกฝ่ายจะก้าวข้ามความขัดแย้งและนำประเทศสู่ความมั่นคงทางการเมืองต่อไป“  นายนพดล กล่าว