สยามรัฐยืนหยัดอยู่บนบรรณภิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาณ “นิคฺคณฺเห นิคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*…
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง พฤศจิกาอันตราย เริ่มมีเค้าลาง สู่เกมเร็วเร่งปิดจ็อบ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินเครื่องเต็มสูบ อ่านสัญญาณจาก ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มขยับคดีล้มล้างการปกครอง …*…
แต่ที่น่าสังเกตงานนี้ “ไม่ธรรมดา” ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการ์ดป้องกัน “ทัวร์ลง” ก่อนจะรับ หรือไม่ รับคำร้องไว้พิจารณา ก็ปฏิบัติการย้อนศร ส่งหนังสือกลับไปให้อัยการสูงสุดส่งข้อมูลมาให้ …*…
โดยให้เหตุผลว่า ผู้ร้องก็คือ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ขอให้อัยการสูงสุด ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 เลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุด มิได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการดังกล่าว และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว …*…
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ ให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ…*…
สถานการณ์ตอนนี้ “รถทัวร์” จึงเตรียมไปจอดที่อัยการสูงสุดแทน ที่ต้องจับตาว่า จะตอบกลับศาลรัฐธรรมนูญมาแบบไหน เพราะเหตุผลของอัยการสูงสุด ที่รับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง ก็จะเป็นเหตุผลให้ศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องและไม่รับฟ้อง และจะมีผลให้การพิจารณาคดีของ ศาลรัฐธรรมนูญ หากรับฟ้องก็จะวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้นด้วย ไม่ต้องไต่สวนเพิ่มแล้ว แต่ถ้าตอบไม่ดีก็เสี่ยงโดน ม.157…*…
รัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกปฏิวัติเงียบจาก “นิติสงคราม” หรือไม่ อีกไม่นานจะมีคำตอบ กระนั้นก็เป็นการยับยั้ง “เหลิงอำนาจ” หากพิจารณาจากกรณีพรรคก้าวไกล ที่ติดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญเพราะดึงฟ้าต่ำ บอนไซสถาบันสูงสุด ขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน ต้องแปดเปื้อนถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพียงเพราะไปแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน ที่ก็เชื่อกันว่า “เศรษฐา” ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับ “พิชิต” จนแต่งตั้งด้วยตนเอง แต่เป็นการออเดอร์มาจาก "นายหญิงแดนไกล" …*…
บรรทัดสุดท้าย เบื่อข่าวดิไอคอนกรุ๊ป และการเมืองวุ่นวาย หลบไปดูละครดีโรแมนติกย้อนยุคที่นอกจากชุบชูใจจากบรรยากาศสังคมและการงานเหนื่อยหนัก แต่ยังพบแง่มุมช่วยจรรโลงสังคมที่พระเอกเป็นผู้พิพากษา ชื่อ “คุณพระอรรถคดีวิชัย” ผู้เสียสละ ซื่อตรง ยึดมั่นในหลักการ ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล เป็นสุภาพบุรุษ ที่ชื่อละครนั้นก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า เป็น “หนึ่งในร้อย” ที่ละครหรือสื่อจะช่วยกันสร้างสุภาพบุรุษเช่นนี้ให้เกิดขึ้นในสังคม …*…
ที่มา:ศรพระราม (25/10/67)