ที่จังหวัดสุพรรณบุรีเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้าน ที่หมู่ 6 บ้านดงกระเชา ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงประสานรถดับเพลิง อบต.ไร่รถ และรถฉุกเฉิน โรงพยาบาลดอนเจดีย์  ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบกลุ่มควันกำลังพวยพุ่งออกจากบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ริมถนนเลียบคลอง เบื้องต้นพบประตู หน้าต่างบ้านถูกล็อกจากด้านใน เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันงัดบ้านเข้าไปเพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ในห้องนอนใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเพลิงจึงสงบ พบว่าในห้องนอนถูกไฟไหม้เสียหายไปหนึ่งห้อง 

หลังเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในห้องนอนพบว่าที่นอน ตู้เสื้อผ้าของใช้ต่างๆ ภายในห้องถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด ส่วนเจ้าของห้องคือนายศักดา อายุ 20 ปี มีอาการสำลักควันนอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ใกล้ประตูทางเข้าบ้านเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำออกไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลดอนเจดีย์ ให้แพทย์ตรวจรักษาอาการ  

จากการสอบถามยาย ของผู้ก่อเหตุเล่าว่าบ้านหลังนี้ตนขายที่สร้างอยู่กับลูกสาวหลานชายคนที่ก่อเหตุเนื่องจากบ้านใหญ่ ซึ่งมีลูกชายคนโตซึ่งติดยาเสพติดอาศัยอยู่ ตนอยู่ด้วยไม่ได้จึงมาอยู่บ้านหลังนี้ และเมื่อประมาณ 2 ปีลูกชายคนโตเสียชีวิตตนจึงกลับไปอยู่บ้านใหญ่พร้อมหลานชายคนที่ก่อเหตุ ส่วนบ้านนี้ไม่มีคนอยู่ เพราะลูกสาวไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด  กระทั่งเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้เงินหนึ่งหมื่นบาทที่รัฐบาลแจก และได้แบ่งเงินให้ตน 3,000 บาทส่วนอีก 7,000 บาทเขาเอาไปหลังได้เงินหลานชายก็ขนเสื้อผ้าข้าวของเครื่องครัว แม้กระทั่งผ้าขี้ริ้วก็เอามาหมด ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังเอาข้าวสารให้มาอีก 

หลังจากมีเงิน 7,000 บาทมาอยู่ที่บ้านนี้ก็มีเพื่อนๆ ขี่รถจักรยานยนต์มาหามามั่วสุมกันทุกวัน กระทั่งวันที่ 9 ตุลา เงิน 7,000 บาทก็หมดหลานชายก็ขนของกลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่กับตนเหมือนเดิมซึ่งตนก็ไม่ว่าอะไรเพราะเป็นหลาน เพราะปกติหลานชายจะเป็นคนเรียบร้อยพูดจาเพราะ และตนก็ไม่เคยด่าว่าหลานด้วยถ้อยคำหยาบคาย กระทั่งเช้าวันนี้ตนเข้ามาดูในบ้านพบว่าเหล็กดัดหน้าต่างถูกขโมย ไปเกือบหมดจึงถามหลานชายว่าเอาลูกกรงเหล็กไปขายที่ไหน จะไปซื้อคืนถ้าไม่แพง แต่หลานชายไม่พูด ตนจึงโทรศัพท์ไปหาอดีตนายก อบต.ให้มาช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อมแต่หลานชายก็ไม่ยอมพูด อดีตนายก อบต.จึงบอกว่าถ้าไม่พูดจะแจ้งตำรวจให้เอาตัวไปสอบสวนว่ามีใครร่วมก่อเหตุจะให้ตำรวจจับ จากนั้นก็แยกยย้ายกันและหลานชายก็กลับไปกินข้าวที่บ้านใหญ่ 

หลังจากกินข้าวได้ไม่นานหลานชายก็กลับมาที่บ้านเกิดเหตุจากนั้นก็มีกลุ่มควันลอยออกจากบ้านจึงรีบพากันมาดูก็พบว่ามีไฟไหม้จึงรีบแจ้งดับเพลิงและตำรวจมาช่วยดับแต่เนื่องจากประตูหน้าต่างถูกล็อกเจ้าหน้าที่จึงงัดหน้าต่างด้านหลังเข้าไปฉีดน้ำดับไฟที่กำลังลุกไหม้ที่ห้องนอน ครั้งแรกคิดว่าหลานชายหนีออกไปแล้วแต่ปรากฏว่าสำลักควันหมดสติอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้านจึงนำส่งโรงพยาบาล 

ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุเชื่อว่ามาจากความเครียดหลังถูกจับได้ว่าขโมยถอดเหล็กดัดหน้าต่างไปขาย และกลัวถูกตำรวจจับเพราะเคยมีประวัติถูกตำรวจจับครอบครองยาบ้าที่จังหวัดอ่างทอง และเคยพูดกับยายว่าถ้าถูกจับคดียาบ้าหรือคดีอะไรก็แล้วแต่ถ้าต้องติดคุก จะยอมตายแต่ไม่ยอมถูกจับประกอบกับหลานชายได้เงินมาเยอะจึงเอาไปซื้อยาบ้ามาเสพกับเพื่อนเยอะจนเกิดอาการหลอนจึงก่อเหตุขึ้นซึ่งตนไม่ติดใจสาเหตุการเผาบ้านแต่อย่างใด ซึ่งหลานชายคนนี้เสพยาเสพติดมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.1 จนถึงปัจจุบัน