ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

ในตะวันออกกลางหลังจากการลุกขึ้นต่อต้านการกดขี่ของอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. 2023 บัดนี้ก็เลยขวบปีในขณะที่อิสราเอลก็ดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างต่อเนื่องในกาซาโดยไม่มีใครทำอะไรได้ตราบใดที่เมกายังหนุนยิว

ขณะเดียวกันสงครามยูเครน-รัสเซีย ดำเนินมาเป็นเวลา 969 วัน เกือบ 3 ปีแล้ว โดยสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2024 และก่อนหน้านี้ดังนี้

รัสเซียได้ส่งฝูงโดรนโจมตีกรุงเคียฟเป็นคืนที่ 2 ต่อเนื่องทำลายบ้านเรือนหลายหลัง แต่ไม่มีรายงานการเสียชีวิตนอกจากผู้บาดเจ็บ 1 คน

ตามรายงานของฝ่ายทหารในเคียฟ อย่างน้อยโดรนรัสเซีย 10 ลำถูกทำลายลงโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน

ในภาคส่วนอื่น เช่น ที่เมืองคาคีฟ มีประชาชนกว่า 12 คนบาดเจ็บ จากการทิ้งระเบิดของรัสเซีย ทำให้บ้านเรือนพังพินาศหลายตึก

ในขณะเดียวกันกระทรวงกลาโหม รัสเซียก็รายงานว่าหน่วยป้องกันทางอากาศได้ทำลายโดรนยูเครน 18 ลำ ในจำนวนนี้ 11 ลำถูกยิงตกในเขตรอสตอฟ ที่เหลือถูกยิงตกในแคว้นไบรยันสก์ คูช และ แคว้นโอไรโอน

ในภาคพื้นดินกองทหารรัสเซียปะทะกับทหารยูเครนในหลายพื้นที่ของเมืองในเขตตะวันออกของยูเครน เช่น เมือง Selydove ซึ่งทำให้การรุกของรัสเซียเกือบครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของอาณาเขตดอนบาส ที่ยูเครนเคยรุกมายึดอยู่ในช่วงหนึ่ง แต่ขณะนี้ถูกรัสเซียโต้กลับและรุกคืบหน้ามาตลอด รวมทั้งในแคว้นซาโปริสเซีย

ในขณะที่ยูเครนใช้โดรนโจมตีสถานีเก็บน้ำมันของรัสเซียในรอสตอฟ และไครเมีย และทำลายโรงงานผลิตระเบิดที่เก็บยุทธภัณฑ์ สนามบินทหารในแคว้น Lipetsk

ขณะที่ข่าวด้านรัสเซียรายงานว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของรัสเซีย ได้ทำลายโดรนของยูเครนถึง 110 ลำในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยโดรนทั้งหมดมุ่งโจมตีแคว้น Kursk ,Lipetsk ,Oryl,Nizhny Novgorod ,Belgorod,Bryansk และ มอสโก

ที่สำคัญในขณะนี้ยูเครนกำลังมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่จะเกณฑ์มาเป็นทหาร เพราะชาวยูเครนจำนวนไม่ต่ำกว่า 50,000 คน หนีการเกณฑ์ทหารจากรายงานของสำนักงานอัยการยูเครนที่ดำเนินคดีกับบุคคลที่หนีการเกณฑ์ทหาร โดยหลายคนยอมติดคุก จากการสัมภาษณ์ของสื่อ โดยเขาเหล่านั้นให้เหตุผลว่าติดคุกยังมีวันออก แต่การถูกเกณฑ์ไม่มีกำหนด และสภาพในแนวหน้าของสนามรบก็เลวร้ายมาก คือต้องต่อสู้อย่างไม่มีวันหยุด โดยไม่มีการผลัดเปลี่ยนทำให้หมดแรง เบื่อหน่าย นอกจากนี้ยังขาดแคลนอาวุธกระสุนและเสบียง ซึ่งแหล่งข่าวในกองทัพยูเครนอ้างว่าทหารยูเครนต้องรบกับทหารรัสเซียในอัตรา 1 ต่อ 10 ที่สำคัญยูเครนมีปัญหาขาดแคลนนายทหารที่มีประสบการณ์สงครามในระดับผบ.หมู่และผบ.หมวด ทำให้การสู้รบของยูเครนผิดพลาดในยุทธวิธีอยู่บ่อยครั้งจนทำให้เกิดการสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก รวมทั้งรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะจากตะวันตก

ครั้นจะพึ่งพานายทหารจากนาโตก็มีปัญหาในการสื่อสาร เพราะพูดกันคนละภาษา

ในขณะนี้ยูเครนมีปัญหาหลัก 2 ประการคือ ขาดแคลนกำลังคน และขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต้องพึ่งพาจากการกู้ยืมและการช่วยเหลือจากสหรัฐฯและยุโรป ขณะที่จำนวนคนหนีทหารเพิ่มขึ้นจากปี 2022 มีจำนวน 9,000 ปี 2023 มีจำนวน 22,000 คน ที่ถูกดำเนินคดี แต่ปีนี้ 2024 ถูกดำเนินคดีแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000 คน

มีการประเมินว่ายูเครนใช้บุคลากร ตั้งแต่เริ่มสงครามประมาณ 1 ล้านคนในกองทัพ เมื่อเทียบกับรัสเซียใช้บุคลากรประมาณ 2.4 ล้านคน จึงเท่ากับประมาณ 1 : 2.4 หรือคิดคร่าวๆ 1 ต่อ 2 คนครึ่ง ทว่าในปัจจุบันนายทหารบางท่านของยูเครนได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทหารยูเครนต้องเผชิญหน้ากับทหารรัสเซีย อย่างน้อย 1:6 ซึ่งแสดงว่ายูเครนต้องสูญเสียทหารไปในสงครามเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่นักวิเคราะห์ตะวันตกประเมินว่า ยูเครนเสียทหารประมาณ 80,000 ในสงครามจึงเป็นการประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยเฉพาะมันขัดแย้งกับผู้บัญชาการทหารยูเครนที่ประเมินว่าทหารของตนต้องเผชิญกับทหารรัสเซียถึง 1 : 10 (United Kingdom’s Chatham House Think Tank)

แม้ว่าทั้ง 2 ฝ่าย รัสเซีย-ยูเครน จะไม่ยอมเปิดเผยความสูญเสีย แต่ถ้าพิจารณาจากข้อมูลที่เปิดเผยข้างต้น แสดงว่ายูเครนที่มีกำลังทหารน้อยกว่ารัสเซียอยู่แล้ว กลับมีอัตราการสูญเสียสูงกว่ารัสเซียอย่างมาก และตกเป็นฝ่ายถอยร่นมาตลอด 32 เดือน ยกเว้นการรุกในตอนต้นสงครามเนื่องจากรัสเซียผิดพลาดในการประเมินการต้านทานยูเครนต่ำไป ในขณะที่กระจายกำลังรุก ยูเครนจากหลายทิศทาง ทั้งจากเบลารุส ที่เชอโนฮีพ ชายแดนรัสเซียที่เคอร์คีฟ และจากทางดอนบาส ทำให้กองทหารที่มีจำนวนจำกัด ต้องกระจายกำลังไปตามพื้นที่ จึงมีจำนวนน้อยมีปัญหาการส่งกำลังบำรุง ทำให้ยูเครนตีโต้กลับสูญเสียมาก จนต้องไปตั้งรับอยู่ในดอนบาส บางส่วนของซาโปริสเซีย และเคอร์ซอน แต่บัดนี้รัสเซียเริ่มทำการรุกกลับอย่างช้าๆเพื่อลดการสูญเสีย ในขณะเพิ่มการสูญเสียให้กองกำลังยูเครน ด้วยกำลังพลและอาวุธที่เหนือกว่า

อย่างไรก็ตามก็มิได้หมายความว่าด้านกองทัพรัสเซียจะไม่มีการหนีทหาร แต่มันมีอัตราที่ต่ำกว่ามาก เพราะรัสเซียให้ค่าตอบแทนสูงขึ้น โดยจ่ายเป็นเงินก้อน 1 ล้านรูเบิล ($11,500) และมีการพักสับเปลี่ยนกำลังกระนั้นก็ตามสถิติการหนีทหารก็ยังเพิ่มขึ้น แม้จะมีการจ้างทหารรับจ้างมาเสริม อย่างทหารรับจ้างเชชเนียก็ตาม

เรื่องอาวุธรัสเซียก็มีปัญหาในการผลิตที่ไม่ทันการใช้และการสูญเสียในสงคราม จนต้องจัดซื้อขีปนาวุธพิสัยใกล้จากอิหร่าน และกระสุนปืนใหญ่จากเกาหลีเหนือ

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของยูเครนคือการส่งกำลังประมาณ 50,000 คนบุกเข้าไปในแคว้นKursk เพราะเท่ากับส่งกำลังไปติดกับรัสเซียโดยคิดว่าจะทำเซอร์ไพรส์ในการบุกและสร้างอำนาจต่อรองหากมีการเจรจา แต่งานนี้ฝ่ายยูเครนกลับสูญเสียกำลังจำนวนมาก และจำเป็นต้องเพิ่มการระดมกำลังอีกไม่ต่ำกว่า500,000คนหากมีแผนจะรุกกลับครั้งใหญ่ ซึ่งแน่นอนหมายความว่าต้องได้รับอาวุธและการส่งกำลังบำรุงเพียงพอ

ที่ผ่านมาเนื่องจากปัญหาการขาดแคนกำลังพลทั้ง 2 ฝ่าย จึงเน้นการต่อสู้กันทางอากาศด้วยการใช้โดรนบ่อนทำลายแหล่งพลังงาน ที่เก็บอาวุธของอีกฝ่าย ในขณะที่รัสเซียค่อยๆรุกคืบมาโดยตลอด ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ยูเครนคงจะต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติศึก ไม่ว่าเซเลนสกี จะดันทุรังอย่างไร ก็มีแต่นำหายนะมาสู่ยูเครน พร้อมหนี้สินอีกกองโต เนื่องจากนาโตไม่พร้อมที่จะระดมสรรพกำลังมาช่วยยูเครน นอกจากการต่ออายุให้สงครามยืดเยื้อหวังทำลายรัสเซียทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เศรษฐกิจตัวเองกำลังย่ำแย่