บรรยากาศบริเวณหน้าหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่คุมขังผู้ต้องหาชายในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย นายวรัตน์ วรัทย์วรกุล (บอสพอล) นายกลด เศรษฐนันท์ (บอสปีเตอร์) นายฐานานนท์ หิรัญไชยวรรณ (บอสหมอเอก) นายนันท์ธรัฐ เชาวนปรีชา (บอสโอม) นายธวินทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ (บอสวิน) นายเชษฐณกัฏ อภิพัฒนกานต์ (บอสทอมมี่) นายพัสยานนท์ เอกชิสนุพงศ์ (บอสป๊อป) นายจิระวัฒน์ แสงภักดี (โค้ชแล็ป) นายธนะโรจน์ ธิติจริยาวัชร์ (บอสอ๊อฟ) นายกันต์ กันตถาวร (บอสกันต์) และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี (บอสแซม) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้อยู่ในขบวนการกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 6 วัน และสิ้นสุดการกักโรคในวันนี้และทางเรือนจำได้เปิดให้ญาติสามารถเดินทางเข้าเยี่ยมได้

และเมื่อเวลา 10.30 น. มีรายงานว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ตนได้เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตนได้นำเอกสารที่จะแจ้งความกรณีที่มีพนักงานของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ ถูกตำรวจเชิญมาให้ปากคำและยึดโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกรณีนักร้องเรียนหญิงที่มีพฤติกรรมเรียกรับเงินมาให้นายวรัตน์พล เซ็นชื่อ (แต่ทนายไม่ได้บอกว่าเมื่อบอสพอลเซ็นแล้วจะเอาเอกสารไปใช้วัตถุประสงค์ใด) และตนได้ออกจากเรือนจำฯ มาแล้ว ขณะนี้ตนอยู่ที่ศาลอาญารัชดาฯ เพื่อติดตามคดีอื่น  ทั้งนี้ ในกรณีของการจะเดินทางไปแจ้งความที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในช่วงเที่ยงหรือไม่นั้น อาจจะไม่ทัน อาจจะไปช่วงเย็นแทน

เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่ามีทนายความหรือญาติของบรรดาบอสชายรายอื่นมาเยี่ยม ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนได้รับการประสานว่าทางเลขานุการและน้องสาวของบอสพอล จะเข้ามาเยี่ยมในรอบเวลา 10.10 น. ส่วนบอสชายคนอื่นตนไม่ทราบ แต่อาจจะมีทนายความของแต่ละคนเข้ามา

กระทั่งเวลา 10.50 น. ปรากฏมีผู้หญิงสูงวัย 1 ราย ผมสั้น สวมเสื้อสีเขียวลายดอกไม้และกางเกงสีดำ ถือกระเป๋าสาน ได้เดินออกมาบริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกับผู้หญิงสูงวัย สวมเสื้อสีส้ม ซึ่งผู้สื่อข่าวจดจำใบหน้าละม้ายคล้ายนางจินดา แซ่ก๊อก มารดาของบอสพอล จึงรีบรุดเข้าไปสวัสดีสอบถามว่า ใช่คุณแม่บอสพอลหรือไม่ ปรากฏว่ามีการยกมือปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ และบอกว่าตนเองไม่ใช่แม่บอสพอล ก่อนรีบเดินขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ยาริส สีเทา ทะเบียน กรุงเทพมหานคร

ขณะที่เมื่อตอนมาถึงด้านหน้าเรือนจำฯ ช่วงเช้าเวลา 10.00 น. กลับเดินทางมาด้วยรถตู้เอนกประสงค์ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น อัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน 4 ขฒ 96 กรุงเทพมหานคร ซึ่งขามาและขากลับใช้รถคันละคัน ทั้งนี้ มีรายงานว่าในตอนเข้าเยี่ยมทางแม่บอสพอลไม่ได้เข้าไปเยี่ยมด้วย แต่รออยู่ด้านนอกแทน เนื่องจากไม่ได้ส่งรายชื่อเข้าไปก่อน และภายหลังการเข้าเยี่ยม ครอบครัวมีการยืนพูดคุยกัน บางคนที่เข้าถึงกับน้ำตาคลอออกมา ขณะที่เเม่บอสพอลก็ยืนพูดคุยกันกับท่านอื่น ๆ เกี่ยวกับคดีของบุตรชาย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับบรรยากาศบริเวณห้องเยี่ยมญาติ พบว่า ห้องเยี่ยมญาติมีทั้งหมด 7 ห้อง โดย 1 ห้องมี 4 เก้าอี้ และนั่งห่างกันหนึ่งช่วงแขน ซึ่งการพูดคุยของญาติและผู้ต้องขังจะมีซี่กรงกั้นกลางไว้ และใช้โทรศัพท์คล้ายโทรศัพท์บ้านในอดีตในการสื่อสารระหว่างกัน และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา นอกจากนี้ การจะเข้าเยี่ยมญาติ ณ เรือนจำฯ ทุกคนจะต้องลงทะเบียนเยี่ยมบริเวณจุดคัดกรองที่ด้านหน้าเรือนจำฯ เพื่อตรวจสอบและลงทะเบียนขอเยี่ยมผู้ต้องขัง และเพื่อตรวจเอกสารต่าง ๆ ก่อน และต้องเป็นบุคคลที่อยู่ใน 10 รายชื่อที่ผู้ต้องขังแจ้งไว้ เมื่อตรวจเอกสารเสร็จสิ้น จะได้รับใบคิวที่จะระบุรอบเวลาการตีเยี่ยมและเลขเครื่องที่จะใช้ในการเยี่ยม โดยการเยี่ยมญาติกำหนดเวลาเพียง 20 นาทีต่อคน

ขณะที่ห้องขวาสุดถัดจากห้องเยี่ยมญาติผู้ต้องขังจะเป็นห้องงานเยี่ยมญาติผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (LINE) ส่วนตรงข้ามกับห้องเยี่ยมญาติ ณ เรือนจำฯ จะเป็นร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง ซึ่งมีการจัดจำหน่ายทั้งของกินของใช้ ถัดเข้าไปด้านในคือห้องรับฝากเงินผู้ต้องขัง  และตรงข้ามห้องรับฝากเงินผู้ต้องขังคือห้องทนายความและล่าม มีจำนวน 3 ห้อง ทั้งนี้ ก่อนเข้าเยี่ยมญาติในห้อง ทุกคนจะต้องเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ในล็อกเกอร์

ด้านนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า สำหรับอาการล่าสุดของบรรดาบอสชายและบอสหญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ การปรับตัว การรับประทานอาหารนั้น ทุกคนเริ่มปรับตัวได้ มีความเครียดน้อยลง และจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครเจ็บป่วย ส่วนวันนี้คือวันตีเยี่ยมญาติเป็นวันแรกสำหรับบรรดาบอสชาย หลังครบกำหนดระยะเวลาการกักโรคโควิด-19 ทำให้ทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังแดนควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาดี ห้องละ 2-3 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยเลขแดน เพื่อความปลอดภัย ขณะที่บรรดาบอสหญิงที่ครบกักโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.นั้น ก็ได้ถูกย้ายเข้าแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลการตีเยี่ยมญาติของบรรดาบอสชายและบอสหญิง ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะผู้ต้องขังไม่อนุญาตให้มีการเปิดเผยสู่สาธารณะ