วันที่ 24 ต.ค.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม สภาฯ โดยมี น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.ฯ เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้ที่ประชุมสภาฯ รับรายงานผลการศึกษาของ กมธ.ฯ ที่จะมีการลงมติในวันนี้(24 ต.ค.) เพราะควรที่จะนิรโทษกรรมให้กับผู้ต้องหาทางการเมืองที่เกี่ยวกับมาตรา 112 และขอส่งตัวแทนเครือข่ายฯ 15 คน เข้าสังเกตการณ์การประชุมสภาฯ เพื่อติดตามการพิจารณาในวันนี้ด้วย
ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 กล่าวว่า คนที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 เป็นผลสืบเนื่องจาก การทำรัฐประหาร 2549 ซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้ปกป้องพรรคการเมือง ไม่ให้ถูกรัฐบาลเผด็จการยุบพรรค รวมถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเ พราะฉะนั้นพวกตนในฐานะเป็นประชาชนที่ออกมาต่อต้านและแสดงความคิดเห็น แต่กลับโดนกล่าวหา จึงขอให้ทุกพรรคการเมืองได้รับทราบ ถ้าไม่มีพวกเขาเหล่านั้น เราก็จะไม่มีการเลือกตั้งถึงสองครั้ง ประเทศไทยจะตกอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการ และไม่มี สส. ทุกพรรคการเมืองในสภาฯ
"จึงเป็นโอกาสที่พรรคการเมือง จะคืนความเป็นธรรม ด้วยการนิรโทษกรรมโดยไม่ยกเว้นคดีใด โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 ที่ปัจจุบันมีถึง 280 คน ที่ถูกกล่าวหา และ ถูกจองจำถึง 42 คน ดังนั้น วันนี้พวกผมขอให้สภาผู้แทนราษฎรรับรองรายงานของกรรมาธิการ จึงไม่มีเหตุผลใดที่พรรคเพื่อไทยจะไม่รับรายงานฉบับนี้ และทุกพรรคการเมืองก็อยู่ในกมธ.ฯชุดนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคว่ำรายงานฉบับนี้เช่นกัน เพราะใช้เวลาในการศึกษาไปแล้วถึง 6 เดือน มีการประชุมหารือกับทุกฝ่ายไปแล้ว จึงขอให้สภาฯ มีความกล้ารับรายงาน ฉบับนี้ อย่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลที่ชักนำหรือชี้นำ เพื่อรักษา ระบบรัฐสภา และกระบวนการนิติบัญญัติเอาไว้ และเชื่อว่าหากมีการนิรโทษกรรมจะยุติความขัดแย้งต่างๆ และประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้"นายสมยศ กล่าว