เกษตรกรขยายผล “ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ” ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เหลือขาย มีรายได้ 300,000 บาทต่อปี
“การสนองพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จังหวัดระยองได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้มีการขยายผลแล้วต่อยอดความสำเร็จของโครงการสู่ราษฎรในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง” นางสาวสลารีวรรณ ทัพทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวกับคณะสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ในโครงการสื่อมวลชนสัญจร สืบสานพระราชดำริ ประจำปี 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)
“ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ มีจุดเด่นในหลายด้าน มีการส่งเสริมด้านวิชาการการเกษตร การพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกร เป็นแหล่งเรียนรู้ และรวมผลงานวิจัยเพื่อการพัฒนา รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงอนุรักษ์ เนื่องจากในพื้นที่มีการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีหน่วยหน่วยงานเข้ามาร่วมบูรณาการมากกว่า 10 หน่วยงาน เช่น ด้านปศุสัตว์ ประมง การพัฒนาพันธุ์พืช เป็นแหล่งเรียนรู้ตามแนวพระราชดําริที่ทางองค์การบริหารจังหวัดระยองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแล ที่ผ่านมามีเกษตรกรและประชาชนทั่วไปเข้ามาดูงานและเรียนรู้มากกว่า 40,000 คนต่อปี และมีกิจกรรมที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองนำเข้ามาเที่ยวชมอีกกว่า 200,000 คนต่อปี” รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าว
ด้าน นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงาน กปร. ได้กล่าวถึงการดำเนินงานและการขยายผลของโครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ที่ทางสำนักงาน กปร. ได้ให้การสนับสนุน ซึ่งเกิดผลสัมฤทธิ์ในหลายมิติตลอดจนการขยายองค์ความรู้ไปสู่ประชาชนและเกษตรกรในชุมชนโดยรอบ พร้อมมอบโล่ให้แก่ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ที่ได้รับการขยายผลจากโครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ จำนวน 9 แห่ง จากศูนย์เรียนรู้ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งหมด 221 แห่ง จากทั่วประเทศ
การนี้คณะสื่อมวลชนได้เข้าเยี่ยมชมแปลงเกษตรของ นายบุญธรรม คชรินทร์ ปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ถึงความสำเร็จในกิจกรรมสวนผักและสวนผลไม้แบบผสมผสาน ที่ได้จัดสรรพื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด ปลูกทุกอย่างที่รับประทานได้และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ โดยยึดหลัก “ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ทำกินให้พอ เหลือค่อยแจกจ่าย และขาย” โดยในพื้นที่มีการทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ประมง ปศุสัตว์ พืชผักสวนครัว ไม้ผลฯ เกิดผลสัมฤทธิ์มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 - 300,000 บาทต่อปี
“เมื่อก่อนครอบครัวผมพอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อหลายปีก่อน เงินที่มีอยู่ก็ค่อยๆ หมดไป ไม่มีงานทำ นอนดูทีวีเห็นพ่อหลวงเดินทุกวัน เสด็จทุกวัน ไปทุกแห่งหนพระราชทานพระราชดำริช่วยเหลือราษฎรเกี่ยวกับการทำกิน ก็คิดว่าทําไมเราถึงไม่เดินตามรอยพ่อ น้อมนำพระราชดำริของพระองค์มาปฏิบัติใช้ จากนั้นมาผมกลับมาปลูกข่าขาย ปลูกตะไคร้ ปลูกอยู่ 3 ปี ขายได้ 1-2 แสนบาทต่อปี ผมทำบัญชีครัวเรือน จดทุกอย่างที่ใช้จ่าย จดทุกอย่างที่รับเงินมา ก็จะเห็นว่ายอดเงินเหลือเท่าไหร่ หรือขาดทุนเท่าไหร่ ก็ทำให้เกิดความมัธยัสถ์ มาปัจจุบันมีกินมีใช้อย่างเพียงพอ ไม่มีหนี้สิน ชีวิตสบายมีความสุข พื้นที่ 4 ไร่ 2 งาน ตรงนี้จัดทำเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งหมดให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานแล้งนำไปทำในพื้นที่ของตนเองต่อไป” นายบุญธรรม คชรินทร์ กล่าว