ผู้ช่วยผบ.ตร. เผย ยังไม่ออกหมายจับล็อต2 อยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐาน ส่วนแม่ข่าย อยู่ระหว่างวิเคราะห์คำให้การว่า ‘เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง หรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง’ รวมถึงภรรยากันต์ พร้อมเร่งประสานชุดสืบสวน-ปปง. ติดตามยึดทรัพย์ก่อนถูกยักย้ายถ่ายเท


เมื่อวันที่ 23 ต.ค. พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีถึงกรณีการเตรียมออกหมายจับผู้กระทำความผิดล็อต 2 ว่าวันนี้ ยังไม่มีการออกหมายจับ เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐาน และยังตอบไม่ได้ว่าจะออกหมายจับเร็วๆนี้หรือไม่ เพราะพยานหลักฐานยังต้องวิเคราะห์ให้แน่นหนา ส่วนแนวโน้มจะเป็นกลุ่มไหนที่จะถูกออกหมายจับนั้น ต้องดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร แต่ในขณะนี้ยังไม่ไปถึงกลุ่มดาราที่จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม  
   
 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มแม่ข่ายจะโดนด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัครเดช กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์คำให้การของแม่ข่าย ซึ่งยังไม่ขอสรุปว่าจะโดนด้วยหรือไม่อย่างไร เพราะต้องวิเคราะห์คำให้การ ‘ว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง หรือพยายามเปลี่ยนค่าตัวเอง’ ทั้งนี้กลุ่มที่จะออกหมายจับในล็อตต่อไป ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาใกล้เคียงกันกับกลุ่มแรก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรยาของนายกันต์ กันตถาวร จะเข้าข่ายชักชวนด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัครเดช บอกว่า หากพยานหลักฐานไปถึงใครก็ดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น

พล.ต.ท.อัครเดช กล่าวต่อว่า ข้อหาฟอกเงินที่เตรียมจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ18ผู้ต้องหาในกลุ่มแรกนั้น ขณะนี้ยังต้องดูพยานหลักฐานที่รวบรวมอยู่ ว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ส่วนจะมีหลักฐานชัดแค่ไหนนั้น ก็ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานที่ต่อเนื่องกันอยู่แล้วในฐานฉ้อโกงประชาชนอยู่แล้ว

 พล.ต.ท.อัครเดช ยังกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ว่า ก็ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อเนื่อง และได้มีการประสาน ปปง. รวมถึงชุดสืบสวนไปตรวจว่ามีทรัพย์สินส่วนไหนที่จะต้องเข้าตรวจยึดก่อนที่จะมีการยักย้ายถ่ายเท โดยมูลค่าตอนนี้ที่ตรวจยึดมารวมหลายร้อยล้านบาทแล้ว

 เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีที่ทนายความของบอสพอลจะพาพนักงานดิไอคอนกรุ๊ป10คนที่ถูกนำตัวมาสอบปากคำหลังเข้าตรวจค้น11จุด เมื่อวานนี้ ไปลงบันทึกประจำวันเพราะมองว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น พล.ต.ท.อัครเดช กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบ