เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 ต.ค.67 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พร้อมด้วย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี เขต 4 นางสาวรังสิมา ลัธธนันท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี นางสาวกนกพร ศิลาภากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ว่าที่ร้อยตรี ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี และประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมพิธีฯ
จังหวัดกาญจนบุรีประกอบพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคมเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ถวายพวงมาลัยพระกรพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้คล้องพวงมาลัยที่พุ่มสักการะทั้งสองด้านและวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย ส่วนราชการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน และภาคประชาชนในจังหวัดกาญจนบุรีร่วมวางพวงมาลาฯ จนเสร็จสิ้นพิธี
ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ และทรงปกครองพระราชอาณาจักรให้มีความมั่นคง และร่มเย็นเป็นสุข ทรงพระราชอุตสาหะเสด็จประพาสต้น เพื่อสดับตรับฟังทุกข์สุขของปวงพสกนิกรในท้องถิ่นต่าง ๆ พระองค์ทรงมีพระราชดำริพัฒนาชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทรงนำวิทยาการที่ได้จากการเสด็จพระราชดำเนินไปเยื่อนต่างประเทศ มาวางรากฐานการพัฒนาประเทศ ในด้านต่าง ๆ ทั้งการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูประบบการเงินการคลัง การศึกษา การสาธารณูปโภค ด้วยพระปรีชาสามารถ และสายพระเนตรอันกว้างไกล ทำให้ประเทศชาติพัฒนาก้าวหน้าทันสมัย ทรงยกเลิกระบบทาส ระบบไพร่ และทรงนำศาสตร์การปกครองของไทย และชาติสากล มาผนวกใช้ในการปกครองพระราชอาณาจักรนำพาชาติบ้านเมืองให้ผ่านพ้นภัย ดำรงอธิปไตย และความเป็นเอกราชของชาติไว้ได้อย่างมั่นคง ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรื่อง พัฒนาไพบูลย์สืบเนื่องมาจนกาลปัจจุบัน พระปรีชาสามารถและพระเกียรติยศเป็นที่ประจักษ์ แก่นานาอารยประเทศ
ด้วยความสำนึกตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ปวงพสกนิกรน้อมใจถวายพระราชสมัญญาว่า “พระปิยมหาราช” อันมีความหมายว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้จัดให้วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช และเป็นวันหยุดราชการ เพื่อร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สืบเนื่องมาตั้งแต่ พุทธศักราช 2453 กระทั่งถึงปัจจุบัน