ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.67 เวลา 11.30 น. ที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลหนองหลวง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายสุวิทย์ สวัสดิ์นาที กำนันตำบลหนองหลวงพร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 9 หมู่บ้านในเขตเทศบาลตำบลหนองหลวง พาชาวบ้านประมาณ 200 คน มาประท้วงเพื่อให้ย้ายนางณภัสนันท์ โพธิ์เปี้ยศรี ปลัดเทศบาลตำบลหนองหลวง ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง

โดยกำนันและผู้ใหญ่บ้านผลัดกันพูดผ่านเครื่องขยายเสียงถึงสาเหตุการประท้วงในครั้งนี้ว่า หลังจากที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2567 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับการดำเนินงานตามแนวทางโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุขเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนให้กับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลหมู่บ้านละ 20,000 บาท ทั้งนี้ตำบลหนองหลวงมีจำนวน 9 หมู่บ้านรวมเงินที่จะต้องได้รับทั้งสิ้น 180,000 บาท

และหลังจากที่คณะกรรมการหมู่บ้านจัดประชาคมหมู่บ้านเพื่อให้ได้มติที่ประชุมว่าแต่ละหมู่บ้านจะเลือกทำโครงการตามพระราชดำริด้านสาธารณสุขโครงการใดบ้างตามความเหมาะสมของบริบทในพื้นที่และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและราชการเป็นสำคัญในกรอบวงเงินงบประมาณหมู่บ้านละ 20,000 บาท 

ทั้งนี้ประชาคมของแต่ละหมู่บ้านมีมติให้ส่งโครงการไปยังเทศบาลตำบลหนองหลวง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโครงการและนำเสนอนายกเทศมนตรีเป็นผู้พิจารณาอนุมัติโอนงบประมาณให้แก่คณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อดำเนินการตามโครงการที่เสนอขอ โดยงบประมาณจะต้องโอนผ่านบัญชีที่คณะกรรมการหมู่บ้านได้ไปเปิดบัญชีไว้แล้ว

ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2567 นายสวน ศรีระชัย นายกเทศมนตรีตำบลหนองหลวง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลหนองหลวงจำนวน 3 คนประกอบด้วยจ่าเอกสุรเชษฐ์ ป้องสีดา รองปลัดเทศบาลตำบลหนองหลวง นายชัชวาลย์ กุลชนะรงค์ ผอ.กองช่าง และนายธงชัย ดวงอ่อนนาม นักจัดการงานทั่วไป  ไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยชื่อบัญชี"เงินอุดหนุนโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุข ตำบลหนองหลวง"สำหรับรับเงินอุดหนุนจากเทศบาลตำบลหนองหลวง ทั้งที่คณะกรรมการของแต่ละหมู่บ้านก็ได้เปิดบัญชีของหมู่บ้านไว้แล้วเช่นกัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนไปขอเปิดบัญชีจากธนาคารกรุงไทยดังกล่าวแล้ว ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง(20 ส.ค.2567) นายสวน ศรีระชัย นายกเทศมนตรีตำบลหนองหลวงและนางณภัสนันท์ โพธิ์เปี้ยศรี ปลัดเทศบาลตำบลหนองหลวง ได้ลงนามหน้าฎีกาโอนเงินเข้าบัญชีที่เปิดใหม่ดังกล่าว โดยปรากฎว่าผู้มีอำนาจลงนามในการเปิดบัญชีและอำนาจลงนามในใบถอนก็ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนเช่นเดียวกัน แต่มีเงื่อนไขในการสั่งจ่าย 2 ใน 3 

เมื่อเงินจำนวน 180,000 บาทถูกโอนเข้าบัญชีที่เปิดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาจ่าเอกสุรเชษฐ์ ป้องสีดาและนายชัชวาลย์ กุญชนะรงค์ ได้ใช้เงื่อนไขในการสั่งจ่าย 2 ใน 3 ไปทำการเบิกเงินจากบัญชี"เงินอุดหนุนโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุข ตำบลหนองหลวง"ยอดจำนวนทั้งสิ้น 180,000 บาท แล้วนำจำนวนเงินดังกล่าวมอบให้กับนางณภัชนันท์ โพธิ์เปี้ยศรี เพื่อนำไปจ่ายให้กับแต่ละหมู่บ้านจำนวน 9 หมู่บ้านๆละ 20,000 บาท ทั้งนี้นางนภัสนันท์ได้รับเงินจำนวน 180,000 บาทครบถ้วนแล้วตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2567  แต่เงินจะมาดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปจ่ายให้แต่ละหมู่บ้านตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

โดย กำนันผู้ใหญ่บ้านและตัวแทนชาวบ้านได้ผลัดการอภิปรายโดยระบุว่าการกระทำของนางณภัสนันท์ โพธิ์เป็นศรี ปลัดเทศบาลตำบลหนองหลวงและพวกมีเจตนาที่จะทุจริตเบียดบังเอาเงินจำนวน 180,000 บาทไปเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวก เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องการให้มีการสั่งย้ายปลัดภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันมิให้มีการทำลายหลักฐาน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีการอภิปรายไปกว่า 2 ชั่วโมง นายสวน ศรีระชัย นายกเทศมนตรีตำบลหนองหลวงได้ลงมาพบปะชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ก็ไม่สามารถให้ความกระจ่างกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ดังนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงขอให้นายสวนพาไปเปิดห้องเก็บฎีกาเพื่อตรวจสอบการเบิกจ่ายและตรวจสอบตู้เซฟภายในกองคลัง ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบฎีกาการเบิกจ่ายตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เก็บรักษาฎีกาแจ้งว่านางณภัสนันท์ฯ ได้สั่งให้นำฎีกาในโครงการไปมอบให้กับนางณภัสนันท์ฯ โดยคาดว่าฎีกาดังกล่าวนางณภัสนันท์ฯเป็นผู้เก็บรักษาไว้ และมีการนำเอกสารออกไปโดยมิได้รับอนุญาตจากนายกเทศมนตรี และหลังจากนั้นกลุ่มผู้จำนงค์จะเดินทางไปร้องเรียนและมอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กับผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อดำเนินคดีต่อไป

อนึ่ง การนำเสนอข่าวสารเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนโดยจะไม่ชี้ถูก ไม่ชี้ผิดและขณะนี้ยังถือว่านางณภัสนันท์ โพธิ์เปี้ยศรี เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาตัดสินของศาลชั้นสูงสุด