จากกรณี นายจรินทร์ อายุ 50 ปี หรือลุงริน โดนกู้ภัยฯ หัวร้อนปรี่เข้ามาล็อคคอลงมือซ้อมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บตามใบหน้าและกระดูกจมูกเบี้ยวหักผิดรูป เพียแค่เดินไปถามว่าทำไมถึงไม่รีบส่งผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาล โดยกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ต่อมานายเอกรัฐ กู้ภัยฯ ออกมาชี้แจงว่า ลุงคู่กรณีเมาสุรา ไปเคาะกระจกด่าทอโวยวายถึงขั้นด่าพ่อล่อแม่ จึงบันดาลโทสะ ทำร้ายลุงคู่กรณีดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 21 ต.ค.67 นายประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ ประธานหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา ได้กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯเป็นองค์กรการกุศล มีแต่ช่วยเหลือประชาชน ส่วนนายเอกรัฐ นั้นได้ทำงานกับทางมูลนิธิมาเป็นเวลาหลายปี แต่ในวันที่เกิดเหตุนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำตัวแบบนั้น อาจจะเมาหรืออะไรไม่ทราบได้ ส่วนตัวมองว่ามาทำงานการกุศลเป็นอาสาสมัคร ไม่ควรใจร้อนไปทำร้ายเขา ไม่ควรทำตัวเป็นศาลเตี้ย และได้กระทำตรงกันข้ามกับกฎระเบียบของมูลนิธิฯ พอทางเราทราบข่าว ได้มีคำสั่งให้พักงานทันที เมื่อวันที่ 19 ต.ค.67 ที่ผ่านมา เพราะถือว่าได้กระทำความผิดร้ายแรง ต่อกฎระเบียบของมูลนิธิฯ
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ มีการอบรมการช่วยเหลือด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของผู้บาดเจ็บตามหลักสูตร สพฉ. และอบรมนิสัยให้มีจิตเป็นสาธารณกุศลอยู่แล้ว และในระบบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มี 3 ระดับ คือ สีเขียว คือบาดเจ็บเล็กน้อย สีเหลือง คือ บาดเจ็บระดับปานกลาง ซึ่งทางมูลนิธิฯ จะสามารถรับผู้บาดเจ็บได้ แต่สีแดง คือขั้นวิกฤตินั้น ไม่สามารถรับผู้บาดเจ็บได้ ต้องรอรถพยาบาลมารับ เนื่องจากต้องใช้เครื่องมือในการปฐมพยาบาลขั้นฉุกเฉิน ที่ทางมูลนิธิฯ ไม่มี
อนึ่ง หากเจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครของมูลนิธิฯ ได้พักงานไปแล้ว และกลับมากระทำตนเช่นเดิม ทางมูลนิธิฯ จะขึ้นบัญชีดำ เพื่อไม่รับให้กลับเข้ามาทำงานในสายงานนี้อีก และจะมีการอบรม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อนแบบนี้ขึ้นอีก ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบมูลนิธิฯ อย่างเคร่งครัด
เบื้องต้น ร.ต.อ.มะโนต ทิพย์เวช รอง สว.สอบสวน สภ.บางละมุง เตรียมเร่งสอบปากคำทั้งสองฝ่าย รวมถึงผลตรวจของแพทย์เพื่อนำมาประกอบคดีกับ นายเอกรัฐ ตามกฏหมายต่อไป