ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ประกาศความร่วมมือกับ Lightnet บริษัทฟินเทคผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคต เพื่อยกระดับศักยภาพบริการโอนเงินข้ามพรมแดน โดยใช้ Stablecoin ในการชำระเงินบนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain) พร้อมผสานความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Fireblocks ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการว่าสินทรัพย์จะได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุด โดยความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยในการนำ Stablecoin มาใช้เป็นสื่อกลางสำหรับบริการโอนเงินต่างประเทศ ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน

โดยโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการผ่านเกณฑ์การทดสอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมทางการเงิน (Regulatory Sandbox) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนตุลาคม 2567 และได้เริ่มเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอโซลูชันที่จะพลิกโฉมการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนที่นับเป็นก้าวสำคัญของนวัตกรรมทางการเงินของเมืองไทย โซลูชันอันล้ำสมัยนี้มีประโยชน์ทั้งกับผู้ให้บริการที่จะสามารถช่วยให้บริหารจัดการเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ต้องสำรองจ่ายเงินล่วงหน้าระหว่างพาร์ทเนอร์ รวมถึงยังสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงานอีกด้วย ขณะที่ผู้ใช้บริการสามารถใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรมและได้รับประสบการณ์การใช้งานที่น่าเชื่อถือ รวดเร็วแบบเรียลไทม์ ทำรายการได้ทุกที่ ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดยาว โดยโครงการนี้ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างเครือข่ายการโอนเงินระดับโลกอย่างแท้จริง

นายธนวัฒน์ กิตติสุวรรณ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงาน Digital Juristic & Payment ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง SCB และ Lightnet ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการบุกเบิกนวัตกรรมทางการเงินและยกระดับประสบการณ์การโอนเงินสำหรับผู้ใช้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Stablecoin เพื่อนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง เรามุ่งมั่นนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ยกระดับบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือกับ Lightnet และ Fireblocks ในครั้งนี้ ได้สานต่อความเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาโซลูชันด้านฟินเทคของธนาคาร และเรายังคงไม่หยุดยั้งในการเดินหน้าใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอันทันสมัยเพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการนำเสนอบริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้สำหรับลูกค้าของเรา

ด้านนางมุขยา (ใต้) พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X)  กล่าวว่า “ภารกิจของ SCB 10X คือ มุ่งมั่นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงินมาประยุกต์ใช้ที่กลุ่ม SCBX รวมถึงในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการทางการเงินในวงกว้าง การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้เราสามารถเพิ่มขีดความเร็วและยกระดับประสิทธิภาพในการเข้าถึงธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลในการนำนวัตกรรมฟินเทคมาประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานที่สำคัญของธนาคารควบคู่กับการยกระดับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความคิดริเริ่มนี้ ด้วยการร่วมผลักดันโซลูชันให้สามารถนำไปใช้งานได้จริง และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำศักยภาพของโครงการนี้มาพัฒนาประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมการเงินข้ามพรมแดนของไทย”

นายตฤบดี อรุณานนท์ชัย Vice Chairman และ Group CEO, Lightnet เปิดเผยว่า “Lightnet ตั้งใจพัฒนาเครือข่ายการเงินแห่งโลกอนาคตระดับสากลเพื่อแก้ pain point ด้านการเงินต่างๆให้กับลูกค้า ด้วยความมุ่งมั่นในการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าบุคคลและธุรกิจ เราเชื่อว่าการเปิดตัวโซลูชันการโอนเงินข้ามพรมแดนครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกที่นำพาไปสู่เป้าหมาย พร้อมช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการโอนเงินข้ามพรมแดนอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยลดเวลาและต้นทุนในการทำธุรกรรมและสามารถเข้าถึงได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับช่วยส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน เนื่องจากการใช้เงินทุนที่ต่ำกว่าในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง มากไปกว่านั้น ความร่วมมือครั้งนี้ยังนำเสนอคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ (unique value propositions) ให้แก่ลูกค้ารายย่อย องค์กร และลูกค้าสถาบัน ตลอดจนช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของอาเซียนอีกด้วย”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มที่ก้าวล้ำร่วมกับ SCB และ Lightnet โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีบล็อกเชนในการปฏิวัติบริการธนาคารแบบดั้งเดิม และแสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อสร้างสรรค์และปรับปรุงบริการของตนได้อย่างไร ด้วยเทคโนโลยีดูแลความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Fireblocks จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมข้ามพรมแดนไม่เพียงแต่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย เราเชื่อว่าโครงการนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการผสาน Stablecoins เข้ากับบริการหลักของธนาคาร และหวังว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการโอนเงินข้ามพรมแดนในอนาคต” Michael Shaulov, CEO and Co-founder, Fireblocks กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้จากความสำเร็จนี้ SCB และ Lightnet มีแผนที่จะขยายการใช้งานไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรในอนาคต เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินทั้งขาเข้าและขาออก โดยการขยายบริการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับลูกค้ารายย่อย นับเป็นการปฏิวัติและขยายขอบเขตการให้บริการธุรกรรมทางการเงินข้ามพรมแดน

#SCB #ดิจิทัลแบงก์กิ้ง #Lightnet #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์