วันที่ 21 ต.ค.67 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร้องกกต.ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีปล่อยให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำตาม มาตรา 28 ว่า เป็นเรื่องเก่าเรื่องดั้งเดิม เราอย่าไปติดกับอะไรมากมาย ซึ่งเคยชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ท้ายที่สุดหากเห็นว่ามีข้อมูลอย่างไรก็ส่งคำร้องมา ซึ่งเราก็ชี้แจงกันไปยืนยันว่าไม่ใช่การครอบงำแค่นี้เอง
ส่วนได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งข้อกฎหมายและฝ่ายกฎหมายไว้แล้วใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำร้องเลยว่าเป็นอย่างไร ใครร้องบ้าง เรายังไม่รู้
ทั้งนี้จะมีมาตรการทางกฎหมายอย่างไรเนื่องจากช่วงหลังมีนักร้องจำนวนมากอาจจะมีมูลบ้างหรือไม่มีมูลบ้าง ควรจะให้มีหลักฐานชัดเจนมีความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนถึงบอกว่าต้องมีการปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบต่างๆทั้งหลาย ต้องสังคายนากันยกใหญ่ ซึ่งขณะนี้ก็มีกฎหมายอยู่แล้ว ร้องเท็จ ฟ้องเท็จ ก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งหมดต้องปรับกระบวนการทั้งหมดถ้าไม่ปรับตรงนี้ก็ลำบากเราจะสาระวนกันอยู่ในเรื่องแบบนี้
โดยหากท้ายที่สุดคดีถูกยกไปพรรคเพื่อไทยก็มีอำนาจที่จะฟ้องกลับได้ซึ่งกฎหมายมีช่องทางให้อยู่แล้วเนื่องจากกลายเป็นประเด็นที่น่าเบื่อหน่ายของสังคมเหมือนที่ตนเคยพูดว่า เดินหน้าไปไม่ได้สักทีต้องหยุดอยู่กับเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่อง เราจะใช้เวลาบริหารประเทศบ้าง ก็จมปลักอยู่แบบนี้ ซึ่งต้องดูว่าองค์กรอิสระว่าอย่างไร
สื่อถามย้ำว่าดูจากหลายคำร้องที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญและกกตมีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่ถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า "มันไม่เกี่ยวหรอกครับ คือเรื่องครอบงำ ต้องเป็นเรื่องแทรกแซงสั่งการจนคณะกรรมการบริหารจนบุคคลที่เกี่ยวข้องสมาชิกพรรคไม่มีอิสระในการบริหาร ก็บอกไปแล้วว่าใครมาสั่งการอะไรได้เพราะตอนเย็นมีมติพูดกันแบบนี้แต่ตอนเช้าเราบอกว่าไม่ใช่เราเห็นอย่างนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว"