วันที่ 21 ต.ค.2567 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า วาง แผน เตรียม การ กัน อย่าง ดี แต่พลาดตรง ที่นัก ไสยศาสตร์ ไม่สันทัด กฎ หมายวิธีสบัญญัติ

อุตส่าห์วางแผนกันอย่างแยบยล ที่กลับมาแล้วไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ถึงขั้นวางกฎกระทรวง ให้การส่ง นักโทษออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และวางมืองานที่ใจกล้าระดับนายบุญทรง ไปเป็นรัฐมนตรียุติธรรม แต่พลาดตรงที่ ขาดความสันทัดใน"กฎหมายวิธีสบัญญัติ" คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยเฉพาะ 2 มาตราคือ

~มาตรา 6 ที่ฝ่ายบริหาร จะออกกฎกระทรวงหรือพระราชกฤษฎีกาโดยขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้ และ

~มาตรา 246 ที่บัญญัติบังคับว่า การพักการลงโทษ โดยให้ผู้ต้องขัง ออกไปอยู่นอกเรือนจำนั้น จะต้องขออนุญาตศาลที่ออกหมายขังก่อน และศาลจะอนุญาตได้เฉพาะจำกัดแค่ 4 กรณีเท่านั้น

ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริงกรมราชทัณฑ์ส่งตัวนายทักษิณ ไปยังโรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ขออนุญาตศาล และ โรงพยาบาลตำรวจก็ไม่เคยถูกประกาศให้เป็นเรือนจำดังนั้นการไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจจึงผิดกฎหมาย ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดทางอาญา และการไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งไม่ใช่เรือนจำ จึงไม่ใช่ถูกจำคุก เมื่อไม่ได้ถูกจำคุก จึงไม่ได้รับประโยชน์ ตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ 2567

ดังนั้นกรณีนี้ จึงผิดกฎหมายซ้ำซ้อนเข้าไปอีก คือ

-หนึ่ง เป็นการฝ่าฝืนไม่บังคับตามหมายขังของศาล คือไม่ขังจำเลยไว้ในเรือนจำ ผิดกฎหมายที่ส่งตัวออกไปโดยไม่ขออนุญาตศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และ

~2 ไม่สามารถถือว่าถูกจำคุกแล้ว

ดังนั้นจึงต้องรับโทษจำคุกต่อไป 1 ปี ตามคำพิพากษาและพระบรมราชโองการ เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ และถ้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทราบเมื่อใด กฎหมายบัญญัติบังคับให้ศาลต้องทำการไต่สวนเมื่อนั้น

ถ้าความจริงเป็นเช่นนี้ ศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็มีอำนาจออกหมายจับและออกหมายขังอีกครั้งตามคำพิพากษาและพระบรมราชโองการได้