จนท.ยึดรถหรูดิไอคอน เพิ่มอีก 4 คัน หนึ่งในจำนวนที่ถูกยึดเป็นของกันต์ ที่บอสพอลมอบเป็นของขวัญวันเกิด พบยอดผู้เสียหายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4.7 พันคน เสียหายกว่า 1.4 พันล้าน  ราชทัณฑ์แจงภาพ กันต์ แต่งชุดนักโทษ มาจากละครเฟคนิวส์ ด้านคนขับรถบอสพอลโร่งนำโทรมือถือมอบตำรวจตรวจสอบไฟล์คลิปเสียงนักร้อง-นักการเมืองเจรจาเรียกรับเงิน 

     เมื่อวันที่ 20 ต.ค.67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบคลิปเสียงลับนักร้องเรียนและนักการเมืองชื่อดัง เรียกรับเงินจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เจ้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ตามที่ นายวรัตน์พลเคยกล่าวอ้างว่ามีการบันทึกเป็นคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายคลิป ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับทางตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจสอบไฟล์ต่างๆ ในเครื่องโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พลที่ยึดไว้ ทราบว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ
   

 เมื่อถามว่าจะมีการเชิญตัวนักการเมืองดังหรือบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในส่วนนี้คงต้องผลการตรวจพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในวัน 21 ต.ค. ตนและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จะมีการประชุมย่อยนอกรอบเพื่อหารือแนวทางการทำงาน
 

   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการติดตามตัว นายเอก คนขับรถส่วนตัวของ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของบอสพอลอีกเครื่องมาตรวจสอบนั้น ล่าสุดมีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา  นายเอกได้ประสานติดต่อเข้ามายังเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายเอกยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนานำโทรศัพท์ของบอสพอลไปซุกซ่อนแต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาส่วนตัวของบอสพอลดูแลเก็บรักษาไว้ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ต้องการจะตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ในทันที
 

   สำหรับโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าข้อมูลภายในเครื่องน่าจะมีไฟล์คลิปเสียง ที่ บอสพอล เคยแอบบันทึกอัดเก็บไว้ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียน และนักการเมืองดังต่างๆ ที่พยายามเข้ามาเจรจาเรียกรับเงินค่าดูแล ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าตัวที่เคยให้ปากคำไว้อยู่จริง เพราะเจ้าตัวเคยให้การยอมรับว่ามีโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง โดยเครื่องหลักที่ถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้จะใช้สำหรับติดต่อทั่วไป ส่วนอีกเครื่องที่นายเอก คนขับรถเก็บรักษาไว้ จะใช้สำหรับบันทึกข้อมูลหรือกิจกรรมงานต่าง ๆ รวมถึงใช้เป็นเครื่องอัดเสียงเวลาที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้โทรเข้ามาข่มขู่เรียกเงิน ซึ่งหากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องแล้วพบว่ามีไฟล์คลิปเสียงดังกล่าวอยู่ในเครื่องจริง ก็จะถือกุญแจดอกสำคัญในการคลี่ปมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคลิปเสียงลับต่าง ๆ ว่ามีบุคคลใดบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง
 

   ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับการส่งมอบโทรศัพท์มือถือของบอสพอลจากนายเอกคนขับรถส่วนตัว ก็ได้รีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องในทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีบุคคลใกล้ชิดคนใดของนายวรัตน์พล ที่ทราบรหัสพาสเวิร์ดเปิดเครื่อง จึงทำให้ยังไม่สามารถเปิดโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบข้อมูลในทันทีได้

 วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจ ปคบ.ได้ทำการอายัดรถของกลางเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คัน ประกอบด้วยรถของบอสพอล หรือนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล 3 คัน และรถตู้เบนซ์ของ นายกันต์ กันตถาวร อีกจำนวน 1 คัน ซึ่งเป็นรถที่นายกันต์ได้รับจากบอสพอลเป็นของขวัญวันเกิด ก่อนตกเป็นผู้ต้องหาไม่กี่เดือนโดยจำนวนยอดผู้เสียหายรวมตอนนี้มีกว่า 4,743 คนแล้ว มูลค่าความเสียหายกว่า เกือบ 1,400 ล้านบาท สำหรับช่วงเช้าวันนี้พนักงานสอบสวนคณะทำงานชุดเล็กของปคบ.ได้ประชุมความคืบหน้าทางคดีเพื่อสรุปสำนวนรายละเอียดของเมื่อวานที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรายงานที่ประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร.หัวหน้าชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว
 

   ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ขอฝากเตือนประชาชนให้ระวังข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ เพราะก่อนหน้านี้มีการนำภาพของ นายกันต์ กันตถาวร ที่สวมชุดนักโทษ ซึ่งอาจจะสร้างความเข้าใจผิดในสังคม
 

   ขณะที่  เพจประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์  โพสต์ข้อความระบุว่า ตามที่เพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า เรื่องเด่นข่าวดัง ได้มีการเผยแพร่ภาพของ กันต์ กันตถาวรแต่งกายในชุดนักโทษ โดยขึ้นข้อความว่า เมนูเช้านี้ของบรรดา บอสฝ่ายชาย โดยมี ปล.แนบท้ายว่า ภาพจำลองเหตุการณ์จริงนั้น
   

 กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพประกอบในละคร ศีล 5 คนกล้าท้าอธรรม เป็นละครชุดประเภทจบในตอน โดยออกอากาศตอนจบไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2558 ภายหลังได้มีการนำละครเรื่องนี้กลับมาออกอากาศซ้ำอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2559 ทางไทยรัฐทีวี เริ่มวันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559 ซึ่งภาพดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ และมิใช่ภาพจำลองเหตุการณ์จริง รวมถึงไม่ใช่สถานที่ภายในเรือนจำแต่อย่างใด

   ส่วน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ต.ค.เวลา 10.00 น. ตนจะเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีฟอกเงินกับบุคคลที่อยู่ในคลิปเสียง กรณีที่มีคลิปเสียงปรากฏเรียกรับเงินจาก บอสพอล ดิ ไอคอน กรุ๊ป
 

   วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง ใครจะคุ้มครองผู้บริโภค โดยจากการสำรวจถึงการโฆษณาสินค้าของดารา อินฟลูเอนเซอร์ ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของประชาชน พบร้อยละ 42.21 ระบุว่า ไม่ส่งผล ร้อยละ 22.98 ระบุส่งผลมาก สำหรับการร้องเรียนจากการถูกเอาเปรียบหรือหลอกลวงให้ซื้อสินค้าหรือลงทุน พบว่าร้อยละ 41.22 ระบุว่า ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ร้อยละ 30.08 ระบุว่า ไปร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร้อยละ 25.19 ระบุว่า ไม่ร้องเรียนใด ๆ ร้อยละ 15.50 ระบุว่า ไปร้องเรียนกับสื่อ ร้อยละ 12.06 ระบุว่า ไปร้องเรียนกับศิลปิน ดารา หรือจิตอาสาคนดัง เช่น หนุ่ม กรรชัย กัน จอมพลัง บุ๋ม ปนัดดา เป็นต้น
 

   ด้าน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความพึงพอใจต่อผลงานตำรวจคดี ดิไอคอน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,160 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17  19 ต.ค.67 บทสรุป ผลสำรวจความพึงพอใจต่อผลงานตำรวจคดีดิไอคอน พบว่า ในเรื่องการติดตามข่าวสารการทำงานของตำรวจคดีดิไอคอน พบมีผู้ติดตามข่าวสารสูงถึง 93.6% และมีเพียง 6.4% ที่ไม่ได้ติดตามข่าว ในขณะที่ความยุ่งยาก ซับซ้อน และอิทธิพลของผู้อยู่ในขบวนการ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 87.5% ระบุว่ามีความยุ่งยาก ซับซ้อน และอิทธิพลของผู้อยู่ในขบวนการมากถึงมากที่สุด
   

 อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้ประชาชนถูกหลอกลวง เดือดร้อนจากขบวนการดิไอคอน พบว่า ความโลภ 92.9 % ความลุ่มหลง 90.8%  ความเข้าใจผิดในการลงทุน 87.4%  ความหละหลวมของหน่วยงานรัฐ 65.3%  การทุจริตคอร์รัปชัน 64.9%  ที่น่าสนใจคือ ความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจคดีดิไอคอน พบว่า  ความพึงพอใจมากถึงมากที่สุด 88.7%  พึงพอใจน้อยถึงไม่พึงพอใจเลย 11.3%
   

 รายงานของซูเปอร์โพลชิ้นนี้ ชี้ให้เห็นการตอบรับของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจคดี ดิไอคอน ด้วยความพึงพอใจอย่างสูง คือ ร้อยละ 88.7 พึงพอใจมากถึงมากที่สุด นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความเพียรพยายามของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อสังคม สังคมควรมีส่วนร่วมในการให้กำลังใจและการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่อย่างซื่อตรงเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนต่อองค์กรตำรวจได้สำเร็จในยุคนี้ นอกจากนี้ การใช้สื่อโซเชียลเพื่อประกาศชื่นชมและส่งเสริมผลงานของตำรวจสามารถสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีความมุ่งมั่นทำหน้าที่เพราะการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐผ่านสื่อต่างๆ สามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมบรรยากาศที่ดีให้กับการทำงานของตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
   

 รายงานของซูเปอร์โพล ระบุด้วยว่า แม้ว่าจะมีการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐ สังคมและสื่อไม่ควรละเลยในการจับตาดูและตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว การมีส่วนร่วมของสังคมในการตรวจสอบจะช่วยป้องกันการทุจริตและรักษามาตรฐานของการปฏิบัติหน้าที่ให้ดำเนินไปอย่างสุจริตและโปร่งใสผ่านการชื่นชมสนับสนุนแต่เกาะติดตรวจสอบเข้มข้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเฝ้าระวังการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ สังคมและสื่อโซเชียลสามารถช่วยสร้างและรักษามาตรฐานของความเป็นธรรม ความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนในมิติอื่น ๆ ได้