"บอสพอล" โอนเงินทำบุญวัดดังขอนแก่น พบโอนเข้าบัญชีส่วนตัวพระ ครั้งละ 200,000 - 600,000 บาท ขณะที่เจ้าตัวแจง ที่ไม่โอนเข้าบัญชีวัดเพื่อความสะดวกและคุมงบประมาณให้ประหยัดได้ 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 20 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก  “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ”  ซึ่งได้โพสต์ภาพสลิปการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารที่มีชื่อผู้โอนระบุว่าเป็นบอสพอล และเป็นเงินทำบุญโดยโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพระสงฆ์ ระบุชื่อว่า พระอุดร พร้อมข้อความระบุว่า “บอสพอลโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวของให้พระมหาอุดร แบบฉ่ำมากโดยส่วนใหญ่จะโอนทีละ 200,000-600,000 บาท บางเดือนโอนไป 2-3 รอบ (สลิปแค่ส่วนหนึ่ง)ในระยะเวลาไม่กี่ปี บิ๊กบอสพอลโอนเงินบริจาครวมๆกว่า 12 ล้าน ผ่านพระรูปหนึ่ง โดยอ้างว่าทำบุญวัดสว่างน้ำใส แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่วัดก็มีบัญชีวัดอยู่แล้ว แต่มักโอนเข้าผ่านพระรูปนี้ตลอดเลย แว่วๆมาว่า พอลค่อนข้างสนิทมากซะด้วย มักจะทำแต่ที่นี่ประจำ ลองตรวจสอบดูอาจเจออะไรดีๆ..บอสปัน ก็เอากะเขาด้วยนะ..”

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดสว่างน้ำใส บ้านวังยาว หมู่ 5 ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น โดยได้พบกับพระมหาอุดร ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงที่วัดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากผ่านช่วงเข้าพรรษา

พระมหาอุดร กล่าวว่า ปกติจะจำพรรษาอยู่ที่วัดใน กรุงเทพฯ และจะมาที่วัดสว่างน้ำใสหลังจากเข้าพรรษาทุกปี  เพื่อมาดูแลโยมแม่ที่อายุมาก ที่ บ.วังยาว อีกทั้ง บ.วังยาวยังเป็นบ้านเกิดขออาตมา จึงต้องการมามาพัฒนาและทำนุบำรุงวัด ทั้งนี้โดยส่วนตัว รู้จักบอสพอลครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดใน กรุงเทพฯ โดยบอสพอลได้มาทำบุญที่วัด เป็นเหมือนญาติโยม ลูกศิษย์ทั่วไป 

"ประเด็นที่บอสพอลโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวไม่โอนเข้าบัญชีวัดเพราะว่า จะได้นำไปทำบุญต่อได้สะดวกกว่าการใช้บัญชีวัด และไม่ได้มีเฉพาะบอสพอลที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ญาติโยมคนอื่นๆที่ร่วมทำบุญก็โอนเข้าบัญชีส่วนตัวเช่นกัน แต่ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว จะนำไปทำนุบำรุงที่วัดสว่างน้ำใส ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตราหารสำหรับญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะช่วงที่มีงานบุญต่างๆ และยังนำมาสร้างสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นในวัดด้วย ทั้งบ่อบาดาล 3 บ่อ บ่อละ 200,000 บาท ที่ต้องขุดเจาะลงไปลึก 150 เมตร เดินสายไฟ หอกระจายข่าว ถังประปา กุฎิที่อาตมาอยู่ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เฉพาะบอสพอลแต่เป็นเงินทำบุญของญาติโยมคนอื่นๆด้วยเช่นกัน"

พระมหาอุดร กล่าวต่ออีกว่า กรณีที่บอกว่าโอนเงินมาให้ปีละเป็นล้านนั้น ยืนยันว่าไม่ถึง มีเพียงช่วงหลังโควิด ที่ทำบุญเข้ามาประมาณครั้งละ 200,000 บ้าง 400,000 บ้าง 600,000 บ้าง ก็จะนำไปใช้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม และทุกๆอย่างในวัด แต่จะต้องดูแลเงินเองเพื่อการประหยัดงบประมาณ ซึ่งกับกรณีที่เกิดขึ้นและพยายามโยงมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ส่วนตัวจะไม่ทราบว่าบอสพอลทำอะไรเพราะไม่เคยบอก หรือทำธุรกิจอะไรก็ไม่ทราบ เห็นมีตอนที่รับกิจนิมนต์ไปที่บ้านบอสพอลก็จะเห็นตอนถวายเท่านั้น พระจะไม่ยุ่งกับธุรกิจหรือครอบครัวของชาวบ้าน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ และไม่ถามญาติโยมว่าปัจจัยที่นำมาถวายนั้นบริสุทธิ์ไหม ถูกต้องไหม พระจะถามไม่ได้เด็ดขาดเพราะเป็นเรื่องมารยาทและคุณธรรม

"ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนที่รู้จักกันตอนนั้นบอสพอลยังถือว่าไม่ได้รวย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือยังจนอยู่ เป็นลูกศิษย์ที่นานๆจะมาเจอกัน ไม่ได้เจอกันบ่อย ครั้งล่าสุดก็เจอกันปีที่แล้ว ที่มาทอดกฐินที่วัดสว่างน้ำใสแห่งนี้ ซึ่งเป็นปีเดียวที่บอสพอลมาพร้อมกับคณะหลายคน แต่ปีนี้ทีแรกบอกว่าจะมาแต่เมื่อ2-3เดือนก่อนบอกว่าไม่สามารถมาได้แล้ว จึงบอกบุญกับชาวบ้านญาติโยมได้ร่วมกัน ครั้งที่บอสพอลมาทอดกฐินนั้นได้เงินทำบุญ 1.3 ล้านบาท"

พระมหาอุดร กล่าวเพิ่มเติมว่า เคยบอกบอสพอลไปอยู่ว่า คนรักมีน้อย คนเกลียดมีมาก อย่าทำเลย กระทั่งเรื่องมาถึงตนเองในวันนี้ ทางพระผู้ใหญ่ท่านเจ้าอาวาสก็ถามมาว่าจะทำยังไง ซึ่งอาตมาก็คิดเพียงว่าแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอสพอลในทางคดีแต่อย่างใด