ครอบครัวเตรียมรับร่างหนุ่มแรงงานโดนระเบิดเสียชีวิตในไร่แอปเปิ้ลที่อิสราเอล กลับประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดบุรีรัมย์ 22 ต.ค.นี้ พร้อมยื่นเอกสารขอรับเงินเยียวยาตามสิทธิหลังสูญเสียเสาหลัก เมียเผยมีมิจฉาชีพพยายามติดต่อมาหาประโยชน์ซ้ำเติมครอบครัว ด้านแม่วัย 70 เผยสุดเศร้าสวดมนต์ภาวนาให้ลูกปลอดภัยทุกคืนไม่คิดจะสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก
วันที่ 18 ต.ค.67 นางสาคร มีรัมย์ อายุ 70 ปี พร้อมด้วยนางพฤกษา มีรัมย์ อายุ 43 ปี แม่และภรรยาของนายนิสันต์ มีรัมย์ อายุ 42 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการระเบิดของกระสุน ซึ่งตกค้างอยู่ในไร่แอปเปิ้ล ที่อิสราเอล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ได้เข้ายื่นเอกสารกับทางอำเภอ และสำนักงานแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิ์รับมรดก เพื่อรับเงินเยียวยาและสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้ กรณีที่นายนิสันต์ แรงงานไทยเสียชีวิตขณะทำงานที่อิสราเอลในสถานการณ์ที่ยังมีการสู้รบกันอยู่ พร้อมกันนี้ ทางครอบครัวยังได้หารือกับทางเจ้าหน้าที่ ในการเตรียมรับร่างของนายนิสันต์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด ต.กันทรารมย์ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หลังทราบจากนายจ้างว่าทางการอิสราเอลจะส่งร่างกลับมาถึงไทย ในวันที่ 22 ต.ค.67 ที่จะถึงนี้
นางพฤกษา มีรัมย์ ภรรยา บอกว่า หลังทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิตขณะทำงานที่อิสราเอล คนในครอบครัวต่างก็เสียใจ และอยากจะนำร่างกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดตามประเพณี รอมากว่า 1 สัปดาห์แล้วแต่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทราบกำหนดการชัดเจน กระทั่งล่าสุดทราบจากนายจ้างว่าทางการอิสราเอลจะส่งร่างสามีกลับมาถึงไทยในวันที่ 22 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ทางครอบครัวต่างก็เฝ้ารออย่างน้อยก็จะได้ทำบุญให้กับสามี
ขณะที่ ทางแรงงานจังหวัด ก็ได้แจ้งให้ทางครอบครัว มายื่นเอกสารตามขั้นตอนเพื่อขอรับเงินเยียวยาและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามสิทธิที่ควรจะได้รับ ส่วนภาระที่จะต้องดูแลต่อไปหลังจากสูญเสียสามี คือ เลี้ยงลูก 2 คน ดูแลแม่สามีที่อายุ 70 ปีแล้ว และภาระหนี้สินอีกกว่า 1 ล้านบาทด้วย แม้จะยังทำใจไม่ได้แต่ก็ต้องเข้มแข็ง
นางพฤกษา ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างก็เศร้าโศกเสียใจแล้ว ยังต้องคอยระแวงกับกลุ่มมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ ที่ฉวยโอกาสพยายามติดต่อมาหาประโยชน์จากทางครอบครัวด้วย ถือเป็นการซ้ำเติมคนที่สูญเสีย
ด้านนางสาคร มีรัมย์ อายุ 70 ปี แม่ของนายนิสันต์ บอกว่า เสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชาย สาเหตุที่ลูกตัดสินใจไปทำงานต่างแดนเพราะอยากจะดูแลครอบครัว ที่ผ่านมา ตนก็สวดมนต์ภาวนาขอให้ลูกชายปลอดภัยทุกคืน ก็ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก คิดถึงและสงสารลูก จะนำร่างลูกกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด อย่างน้อยสิ่งที่แม่ทำได้คือทำบุญให้ลูก