กำลังเป็นที่จับตามองกัน ในทบ. ว่าคำสั่งแต่งตั้งนายทหารระดับ พันเอกพิเศษ หรือที่เรียกว่าโผ รองนายพล และโผผู้บังคับการกรม จะประกาศออกมาเมื่อใดเพราะดูจะล่าช้ากว่ากำหนด
จนเกิดกระแสข่าวร่ำลือว่าเป็นเพราะผลพวงจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลที่ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.คนก่อน ได้ปฏิบัติการล้างระบบ การแต่งตั้งโยกย้ายของกองทัพบกใหม่ และ ทำให้มีการแยกระหว่างกองทัพบก และหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) หรือ ฉก.ทหารคอแดง และส่งผลให้ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เป็นผบ.ทบ. คนแรกในรอบ7 ปีเ ที่ไม่ต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ทำให้มีอิสระในการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมากขึ้น จากเดิมที่ต้องนำบัญชีใน ฉก.ทม.รอ.904 มาเป็นหลัก
โดยมอบหมายให้แม่ทัพให้ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 ทำหน้าที่ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แทน ผบทบ.
อย่างไรก็ตาม แม้การที่โผผู้บังคับการกรมระดับพันเอกพิเศษล่าช้า จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายชั้น นายพลก่อนหน้านี้มากนักก็ตาม
แต่มีรายงานว่าที่ต้องล่าช้าเนื่องจากมีมีการปรับกำลังทหาร ในส่วนของ ทม.รอ. ที่เป็นหน่วยทหารในพระองค์ใหม่ จนต้องการนายทหารจากกองทัพบกไปเพิ่มเป็นจำนวนมาก จึงต้องมีการคัดตัวนายทหารจากกองทัพบกย้ายไปอยู่ หน่วยในพระองค์ และรวมทั้งในส่วนของฉก.ทม.รอ.904 มากขึัน
จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการคัดเลือกและวางตัวนายทหารชั้นนายร้อยและนายพันใหม่ เพราะจะมีผลกระทบถึงกัน ในการเลื่อนขยับตำแหน่ง โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพภาค1 ที่มีกองพลทหารคอแดง ทั้ง พล.1 รอ. พล.ร.2 รอ. พล.ม.2 รอ. อีกทั้งในทบ. ยัง มีในส่วนของรบพิเศษ เช่น กรมรบพิเศษที่3 รักษาพระองค์ ด้วย
โดยมีนายทหารในตำแหน่งสำคัญและดาวรุ่งหลายคนที่ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เช่น “ผู้การนัท” พ.อ.พิเชียรรัฐ ภารัญนิตย์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร. 21 รอ.) ก็ได้รับการคัดเลือก ให้ไปทำหน้าที่ใหม่
จึงทำให้การจัดโผครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาถึงปลายเดือนตุลาคม เป็นอย่างเร็ว จากเดิมที่จะออกในช่วงต้นเดือนตุลาคม
จึงทำให้เมื่อ พลเอกพนา ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. จึง ถูกจับตามองในบทบาทที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ไม่ต้องเป็น ผบ.ฉก.คอแดง
แต่อย่างไรก็ตาม พลเอกพนาได้ชื่อว่าเป็นนายทหาร ที่มีความจงรักภักดี ตั้งแต่สมัยบิดาคือ พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ ที่เคยเป็นนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ พล.อ.พนาได้รับเลือกให้ไปฝึกหลักสูตรทหารคอแดง เมื่อครั้งเป็นรองแม่ทัพภาค1 และถูกจับตามองว่าขึ้นแม่ทัพภาค1 ห้าเสือทบ. จนมาเป็นผบ. ทบจริงๆ ในวันนี้โดยมีอายุราชการถึง 2570 นั่งยาวถึง 3 ปี
เมื่อมาเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.พนาเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องการจะต้องมี มอตโต้ส่วนตัว แต่ให้ใช้ ม็อตโต้ หลักของกองทัพบก คือ “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน“ ใช้มานานตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. เพราะไม่ต้องการให้กำลังพลต้องมานั่งท่อง มอตโต้ของผบแต่ละคนเมื่อมีการเปลี่ยนตัวแต่ให้ยึดกลางของกองทัพบกเช่นเดียวกันหมด
แต่แค่มีการขยับการวางตัวอักษรใหม่โดยให้คำว่ากษัตริย์และประชาชนอยู่ติดกันโดยไม่ต้องมีการเว้นวรรคเช่นที่ผ่านมา จึงกลายเป็น “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน”
โดยมี รายงานว่า พล.อ.พนา ให้นโยบายต่อหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ให้เน้นการ สร้างความเข้าใจสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ ในภาพรวมของกองทัพบก ไม่ต้องทำพีอาร์ให้ตัวผบ.ทบ. เพราะไม่ต้องการออกสื่อ มากนัก และไม่ต้องการไปเกี่ยวข้องกับในเรื่องการเมืองหรือถูกเชื่อมโยงกับการเมือง
โดย พล.อ.พนา เป็นคนไม่ค่อยชอบออกสื่อและจะให้สัมภาษณ์เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ต้องการให้สื่อ ไปโฟกัสที่กำลังพลและการทำงานในภาพรวมของกองทัพบกมากกว่าตัว ผบ.ทบ.
โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมฐาน 26 พร้อมทำหน้าที่สนับสนุนทั้ง “รองเอก” พล.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหาร “เจ้ากรมโปร” พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก “เจ้ากรรมจิ๊บ” พล.ท.จินตมัย ชีกว้าง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ที่เป็นทั้งผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนคู่คิดในการเดินหน้ากองทัพบกในช่วง 3 ปีนับจากนี้