คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามามากเท่าใด  ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศการเมืองในสหรัฐอเมริกาเต็มไปด้วยความตึงเครียด และมากด้วยความเข้มข้น เพราะคะแนนนิยมที่เกิดขึ้นระหว่าง “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”และ “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส” กำลังสูสีคู่คี่กันอย่างสุดๆ

ส่วนคะแนนชี้ขาดว่า ใครคือผู้ที่จะได้รับเลือกให้เข้าไปสู่ทำเนียบขาวนั้น ขึ้นอยู่กับ 7 รัฐสวิง อันได้แก่ รัฐมิชิแกน (ที่มีคะแนนอิเล็กโทรัล 15 คะแนน) วิสคอนซิน (มี 10 คะแนน) เพนซิลเวเนีย (มี 19 คะแนน)  เนวาดา (6 คะแนน) นอร์ทแคโรไลนา (16 คะแนน) แอริโซนา (11 คะแนน) และจอร์เจีย (มีคะแนน 16 คะแนน)

และเมื่อรวมคะแนนอิเล็กโทรัลของทั้ง 7 รัฐสวิงแล้ว ก็จะมีคะแนนทั้งหมด 93 คะแนน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่จะเห็นว่า ทั้งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ต่างพากันตั้งหน้าตั้งตาออกตระเวนวิ่งรอกหาเสียงในทั้งเจ็ดรัฐสวิงเหล่านี้ แถมผู้แข่งขันทั้งสองค่ายพรรคต่างก็ยอมทุ่มเม็ดเงินอย่างสุดตัวในเจ็ดรัฐนี้ด้วยเช่นกัน!!!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีคะแนนอิเล็กโทรัลมากที่สุด ดังนั้นนักการเมืองทั้งสองจึงใช้เวลาทุ่มหาเสียงในรัฐนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จะเห็นได้ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางไปหาเสียงในรัฐนี้แล้วถึง 6 ครั้ง ส่วนรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ก็เดินทางไปหาเสียงในรัฐนี้มากถึง 13 ครั้งด้วยเช่นกัน สืบเนื่องมาจากเธอมิต้องการให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะในรัฐนี้นั่นเอง

และจนถึง ณ บัดนี้ปรากฏว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสทุ่มเม็ดเงินหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียไปแล้วถึง 180 ล้านดอลลาร์ ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ก็ทุ่มไปในรัฐนี้เป็นเงินกว่า 170 ล้านดอลลาร์ด้วยเช่นกัน

เมื่อมองในภาพรวมแล้วทั้งสองนักการเมืองต่างก็ทุ่มเงินไปใน 7 รัฐสวิงนี้แล้วถึง 1,123 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว!!!

แต่อย่างไรก็ตาม “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” มีความมุ่งมั่นและตั้งใจเป็นอย่างสูงต้องการที่จะให้รองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับชัยชนะ เขาจึงปวารณาตนออกมาช่วยเป็นกระบอกเสียงให้  โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2024 เขาได้เริ่มออกเดินทางไปช่วยหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนีย

ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีโอบามาได้กล่าวสุนทรพจน์อันแสนเฉียบคมที่มุ่งเป้าวิพากษ์วิจารณ์ต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในหลายๆประเด็นด้วยกัน เช่น

ประเด็นแรก: อดีตประธานาธิบดีโอบามากล่าวถึงการที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พูดกุข่าวหลอกลวงในทำนองที่ว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” กักเงินช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากพายุเฮอริเคนเอาไว้  ซึ่งเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น

ประเด็นที่สอง: ประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นมหาเศรษฐีวัย 78 ปี ที่ชอบบ่นพึมพำ คิดเพี้ยน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อตนเองเป็นอันดับแรก ประเทศชาติเป็นอันดับรอง

ประเด็นที่สาม: อดีตประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่า “ในสมัยที่ข้าพเจ้าอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี เรามีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง 75 เดือน และเมื่อข้าพเจ้าพ้นจากตำแหน่ง ก็ได้มอบงานให้แก่โดนัลด์ ทรัมป์ ทำต่อ แต่ปรากฏว่า เขามิได้ทำอะไรเลย”

อีกทั้งประธานาธิบดีโอบามายังได้เหน็บแนมต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์อีกว่า “ทำไมชาวเพนซิลเวเนียบางส่วนคิดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในทางที่ดีสำหรับชาวเพนซิลเวเนียได้”

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการช่วยหาเสียงของประธานาธิบดีโอบามาที่ทำให้แก่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส เพียงแค่หนึ่งวันก็ตาม แต่กลับปรากฏว่า  ขณะนี้คะแนนนิยมของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ในรัฐเพนซิลเวเนีย กำลังนำหน้า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไปแล้ว 4%

ส่วนในรัฐอริโซนา อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กำลังนำหน้ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส 5%

ส่วนขุนพลหมายเลข 2 ที่ปวารณาตนออกมาช่วยเหลือเพื่อรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ซึ่งนั่นก็คือ “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน” โดยเขาได้ลงพื้นที่หาเสียงที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิสำคัญที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยได้รับชัยชนะเหนืออดีตประธานาธิบดีทรัมป์  11,779 คะแนน

ประเดิมเริ่มแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2024 โดยประธานาธิบดีคลินตันวางแผนที่จะออกตระเวนออกหาเสียงในแถบชนบท เริ่มที่ “เมืองอัลบานี” (Albany) โดยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาถือว่าเมืองนี้คือ “เมืองแห่งความหวัง” ที่ในอดีตบรรดานักต่อสู้เคลื่อนไหวเริ่มต้นเรียกร้องให้มีสิทธิและเสรีในการเลือกตั้งเท่าเทียมกัน ณ เมืองนี้

ในอดีตที่ผ่านมา “มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์” ก็สร้างประวัติศาสตร์ทางการเมือง ณ เมืองนี้ด้วยเช่นกัน  ที่เขาถูกจับกุมและถูกจำคุกในปี 1961 และปี 1962

ทั้งนี้ในวาระแรกของการหาเสียง ประธานาธิบดีคลินตัน วางตัวเป็นกันเองกับชาวบ้านที่พำนักอาศัยอยู่ในรัฐจอร์เจีย โดยเขาแต่งตัวแบบเรียบง่าย และสวมหมวกที่ปักเป็นตัวอักษรใช้รณรงค์หาเสียงว่า “Harris-Walz”

ในวาระที่สองประธานาธิบดีคลินตันแต่งตัวอย่างเรียบร้อยเป็นทางการ โดยเขาสวมสูทเพื่อเข้าร่วมพิธีศาสนา ณ โบสถ์ “Mount Zion Baptist” ที่เป็นศูนย์กลางของนักเคลื่อนไหวการเรียกร้องเพื่อเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน และโบสถ์แห่งนี้ก็ยังเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลของการศึกษาระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

ในโบสถ์แห่งนี้ ประธานาธิบดีคลินตันได้กล่าว สุนทรพจน์เรียกร้องให้สมาชิกของโบสถ์ช่วยสนับสนุนรองประธานาธิบดีแฮร์ริส

ทั้งนี้ประธานาธิบดีคลินตันมีความคิดเห็นว่ารัฐจอร์เจีย ที่มีประชากรกว่าห้าล้านคน เป็นรัฐที่มีความสำคัญในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากคะแนนนิยมของระหว่างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กับ รองประธานาธิบดีแฮร์ริส กำลังมีสูสีหนีกันไม่ห่าง

ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2024 ประธานาธิบดีคลินตัน จึงตัดสินใจที่จะหาเสียงในรัฐจอร์เจีย เพิ่มเติม และจากนั้นเขาก็จะออกเดินทางโดยรสบัส เพื่อไปช่วยหาเสียงต่อยัง รัฐนอร์ท แคโรไลนา

ถึงแม้ว่าขณะนี้รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ได้สองขุนพลมือฉมังมาช่วยหาเสียงก็ตาม แต่ในทางกลับกัน เธอก็ต้องไม่ลืมว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ก็มีแผนอันแสนแยบยลแบบมาเหนือเมฆด้วยนโยบายแอนตี้ชาวต่างด้าว ที่ได้กลายเป็นนโยบายยอดนิยมครองใจชาวอเมริกันที่เห็นด้วยกับเขากว่า 55%

และแม้ว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะได้รับความร่วมมือจากสองพรรคการเมืองในการปฏิรูปอิมมิเกรชันและได้ร่างกฎหมายสำเร็จแล้ว แต่กลับปรากฏว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้กดดันให้สภาคองเกรสยกเลิกร่างกฎหมายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2024

นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน เขามักจะชูประเด็นเกี่ยวกับการแอนตี้ชาวต่างชาติ และปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากสมาชิกและบรรดาฐานเสียงของค่ายพรรครีพับลิกันอย่างล้นหลาม

และทุกๆครั้งที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกหาเสียง เขามักสร้างสถานการณ์ด้านลบต่อชาวต่างด้าว 12 ล้านคนที่พำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2024 ครั้งที่มีการประชันฝีปากแข่งขันดิเบตกับรองประธานาธิบดีแฮร์ริส เขาได้กล่าวอ้างว่า ชาวเฮติในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ มักจะขโมยสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นสุนัขและแมวของเพื่อนบ้านไปปรุงเป็นอาหาร โดยเรื่องนี้นายกเทศมนตรีเมืองสปริงฟีลด์ และ ผู้ว่าฯรัฐโอไฮโอ ได้ออกมากล่าวปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง” แต่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์และ“วุฒิสมาชิกเจดี แวนซ์” คู่หูหาเสียงของเขาที่ถูกวางตัวในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก็ยังคงไม่หยุดหยั้งการกระทำ ยังคงนำเอาเรื่องนี้ไปพูดแบบซ้ำๆซากๆ

ล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่อดีตทรัมป์ เดินทางไปหาเสียงที่ เมืองออโรรา รัฐโคโลราโด เขาได้กล่าวว่า ขณะนี้มาเฟียที่มีเชื้อสายเวเนซุเอลากำลังจะยึดครองเมืองออโรราแล้ว ทำให้นายกเทศมนตรีแห่งเมืองนี้ต้องออกมากล่าวปฏิเสธว่า “ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พูดออกมานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” ตามติดมาด้วย “วุฒิสมาชิกไมเคิล เบนเนท” ออกมากล่าวตำหนิว่า “สิ่งที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พูดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่โกหก”

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นแม้ว่าขณะนี้ “รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส” จะได้สองขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ฝีมือดี “อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา” และ “อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน”อาสามาช่วยทั้งผลักทั้งดันด้วยแรงกาย และ แรงใจ แถมยังช่วยหาเงินบริจาคระดมทุนเพื่อใช้ในการหาเสียงอย่างเหนียวแน่นก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”ก็มิใช่ธรรมดา ไก่ กา อาราเล่ เพราะเขามีทั้งความแยบยลเชี่ยวชาญและมีทั้งความช่ำชองในการประชาสัมพันธ์ที่ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนหลงใหลตกอยู่ในภวังค์ลมปากของเขาอย่างเต็มเปา เพราะฉะนั้นการแข่งขันเลือกตั้งในโค้งสุดท้ายนี้คงจะเต็มไปด้วยความเข้มข้น ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ แบบละสายตาไม่ได้เลยละครับ