แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ดึงเอกลักษณ์ความคลาสสิกจากลวดลายตารางสีสันผ้าขาวม้าของไทย มารี-ดีไซน์พร้อมปรับลุคส์ใหม่ให้สดใสและดูร่วมสมัยมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ พร้อมทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ
คุณสุมนวินีต์ ประสานธรรมคุณ ผู้ก่อตั้ง และ เจ้าของธุรกิจ ปากาม้าไทยแลนด์ (PAHKAHMAH THAILAND) เล่าเส้นทางธุรกิจแบรนด์ปากาม้าไทยแลนด์ ที่เดินทางมาถึงในปัจจุบันเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปีแล้ว จากจุดเริ่มต้นความชื่นชอบในตัวผ้าขาวม้าของไทยที่มีสีสันสดใส สวยงาม และมองเห็นแนวทางในการทำธุรกิจด้วยหากใช้ดีไซน์มาปรับโฉมใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากภูมิปัญญาท้องถิ่นในประเทศชิ้นนี้ให้มีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีก ด้วยแนวคิดตั้งต้นดังกล่าว จุดประกายให้ ‘สุมนวินีต์’ ไม่ลังเลที่จะดึงอัตลักษณ์ผ้าขาวม้าไทย มาใส่ดีไซน์พร้อมเพิ่มความเป็นแฟชั่นเข้าไป ด้วยหวังสร้างภาพจำใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายลายตารางสีสด ฉูดฉาด ให้มีความทันสมัย เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกับทุกเพศ ทุกวัย
"หลังจากเข้ามาศึกษาเชิงลึกตัวสินค้าผ้าขาวม้าไทยจากทั่วทุกภูมิภาคแล้ว ยิ่งพบความน่าสนใจด้วยผ้าขาวม้าในแหล่งชุมชนต่างๆของไทย จะมีวีธีการทอ หรือการใช้เส้นด้ายของผ้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งยิ่งเพิ่มความพิเศษให้กับต้นทางการผลิตสินค้าของปากาม้าไทยแลนด์ที่ปัจจุบันใช้แหล่งผลิตผ้าขาวม้าจากชุมชนท้องถิ่นหลายจังหวัดทั่วประเทศ สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยที่แตกต่างกันอีกด้วย"
คุณสุมนวินีต์ กล่าวว่า จากความต่างของกระบวนการผลิตผ้าขาวม้าไทยในแต่ละแห่ง ทำให้ ‘ปากาม้าไทยแลนด์’ สามารถเลือกใช้วัสดุต้นทางเพื่อผลิตและออกแบบสินค้าไลฟ์สไตล์ประเภทต่างๆ ได้เหมาะสมตามคุณสมบัติของเนื้อผ้า อย่างผ้าขาวม้าในภาคกลาง จะนำมาใช้ผลิตเป็นเครื่องแต่งกายแฟชั่น กลุ่มเสื้อผ้า ส่วนในแหล่งอื่นจะถูกใช้ผลิตเป็นสินค้าต่างๆ ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 100 รายการ (SKUs) ประกอบด้วย กระเป๋า เสื้อผ้า ตุ๊กตา ของใช้ หมวก กิฟต์เซ็ต ฯลฯ นอกจากนี้ ‘ปากาม้าไทยแลนด์’ ยังทำงานร่วมกับ (Collaboration) สินค้าแบรนด์อื่นๆ ในการพัฒนาและออกแบบสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ๆ เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวและสีสันให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
"คอนเซปต์การพัฒนาและออกแบบสินค้าแบรนด์ปากาม้าไทยแลนด์ คือ ต้องการให้เกิดการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ในทุกๆวันในรูปแบบ Everyday Look ด้วยระดับราคาสินค้าที่เริ่มตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงหลักสองพันบาท โดยสินค้าทุกชิ้นยังได้การรับรองคุณภาพด้านสิ่งทอจากหน่วยงานมาตรฐานต่างๆด้วย"
คุณสุมนวินีต์ กล่าวต่อว่า จากเส้นทางของปากาม้าไทยแลนด์ตลอดสิบปีที่ผ่านมา มีความโดดเด่นในด้านอัตลักษณ์สิ่งทอจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ซึ่งยังสะท้อนถึงการเป็นอีกหนึ่ง ‘ซอฟต์ เพาเวอร์’ ของประเทศไทยที่มาก่อนกาล ที่นอกจากจะทำตลาดในไทยแล้วแบรนด์ยังได้พาตัวเองออกไปโรดโชว์ในตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ ปากาม้าไทยแลนด์ ยังไม่หยุดนิ่งการทำตลาดใหม่ๆ อีคอมเมิร์ซ โดยเน้นการขายบน TikTok Shop ด้วยมองว่าจะเป็นอีกช่องทางขายที่น่าสนใจ ต่อการพาแบรนด์สินค้าเข้าไปทำความรู้จักกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ทุกเพศ วัย ได้มากขึ้นตรงตามคอนเซปต์ Everyday Look ของปากาม้าไทยแลนด์ ที่วางไว้ ทำให้แบรนด์ขนาดเล็กทำการตลาดได้ตรงจุดและเห็นผลลัพทธ์ไวขึ้นเพราะสามารถสร้างแบรนด์และปิดการขายได้เพียงแค่ทำคอนเทนต์ให้โดยใจลูกค้า นอกจากนี้ผากาม้าไทยยังได้ร่วมโปรแกรม TikTok Shop Mall เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนสินค้าแบรนด์ไทยได้มั่นใจว่าจะได้ของแท้คุณภาพ 100%
คุณสุมนวินีต์ กล่าวว่า แบรนด์ได้เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์ม TikTok ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันได้ผลตอบรับยอดขายสินค้าที่เติบโตขึ้น 100% โดยได้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มาจากการรับชมคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มฯ และกลายมาเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ปากาม้าไทยแลนด์ในที่สุด
"ปากาม้าไทยแลนด์ยังได้รับการสนับสนุนจาก TikTok Shop ในด้านต่างๆ ทั้งเครื่องมือการตลาด การมีส่วนร่วมในกิจกรรมแคมเปญส่งเสริมการขายในแต่ละช่วง ไปจนถึงข้อมูพฤติกรรมผู้รับชมคอนเทนต์ประเภทใดที่มีการติดตามจำนวนมาก เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์การทำตลาดสินค้าให้ตรงกับลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยลง ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้าใหม่ที่แบรนด์ต้องการขยายเพิ่มในอนาคต"
คุณสุมนวินีต์ กล่าวว่า จุดเด่น TikTok Shop คือการเชื่อมโยงกับวิดีโอสั้นคอนเทนต์ต่างๆ ที่ครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มฯ เป็นผู้พัฒนาขึ้น ซึ่งทำให้ทุกเพศ ทุกวัยเข้าถึงง่าย ขณะที่แนวทางการทำคอนเทนต์วิดีโอของแบรนด์ฯ จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การแมทช์ ลุคส์ แนะนำการแต่งตัวให้เข้ากับไอเทมต่างๆของปากาม้าฯ และ การนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องราววิถีไทย (Thainess) บอกเล่าผ่านครีเอเตอร์ในทุกสัปดาห์ รวมถึงคอนเทนต์เรื่องราวสนุกๆ ที่เกิดขึ้นภายในออฟฟิศปากาม้าไทยแลนด์ เพื่อให้ผู้ชมเข้ามาติดตามได้ตลอดในช่อง ‘ปากาม่วน Official’ ด้วย
นอกจากนี้ แบรนด์ปากาม้าไทยแลนด์ ยังให้ความสำคัญในการไลฟ์ขายสินค้า เพื่อแนะนำทั้งสินค้าที่มีอยู่และเปิดตัวสินค้าใหม่ในตลาด ที่มีความถี่เป็นประจำในทุกเดือน ซึ่งจากความสม่ำเสมอในการทำคอนเทนต์เพื่อมีส่วนร่วมกับผู้ชม หรือ ผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ธุรกิจปากาม้าฯทบนแพลตฟร์อม TikTok Shop มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจำนวนผู้ติดตามช่องที่เพิ่มขึ้น
“TikTok Shop เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว และมีส่วนสนับสนุนธุรกิจให้กับแบรนด์ปากาม้าฯ ได้อย่างมากในช่วงที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต"
คุณสุมนวินีต์ กล่าวถึงแผนธุรกิจว่า ปากาม้าฯ ยังได้ต่อยอดวัสดุผ้าขาวม้าไทยภายใต้แบรนด์ ปากาม้าไทยแลนด์ โดยขยายไปสู่สินค้าใหม่ในกลุ่มของที่ระลึก (Souvenir)อย่าง ตุ๊กตาช้าง‘อีเลฟี่’ (Elephe) ที่ปัจจุบันกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าขายดี Best Seller ในกลุ่มนักเดินทาง นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการนำสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆภายใต้แบรนด์ปากาม้าฯ เข้าไปวางจำหน่ายในร้าน MUJI สาขาในประเทศญี่ปุ่น คาดเห็นความชัดเจนในปี 2568
จากแนวคิดและวิถีการทำตลาดดังกล่าว สะท้อนความสำเร็จของแบรนด์ไทย ปากาม้าไทยแลนด์ ที่มีจุดกำเนิดในกรุงเทพฯและกำลังเติบไปพร้อมกับเครือข่ายท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในอนาคตด้วย