เพิ่มชาติสัประยุทธ์ไปอีกประเทศหนึ่งแล้ว สำหรับ “เกาหลีเหนือ” เจ้าของฉายาประเทศ “โสมแดง” ซึ่งถูกบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกกล่าวหาว่า ได้ตบเท้าเข้าร่วมใน “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” สงครามที่แรกเริ่มเดิมทีเป็นการสู้รบระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา
โดยสงคราม ตลอดช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมานั้น ก็จะเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซีย กับกองทัพยูเครน หลังรัสเซีย กรีธาทัพยกข้ามพรมแดนเข้าไปรุกรานยูเครน ซึ่งการสู้รบในช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีกลุ่มนักรบรับจ้างจากชาติต่างๆ เข้าไปร่วมตะลุมบอน นอกเหนือจากกองทัพที่เป็นสัญชาติ และเชื้อชาติของสองประเทศข้างต้นแล้ว
ทว่า นั่นก็เป็นเพียงนักรบรับจ้าง ที่รบกันในนามบริษัทเอกชนผู้เป็นนายจ้าง เช่น กลุ่มนักรบรับจ้าง “วากเนอร์” ของ “นายเยฟเกนี พริโกชิน” ที่รบให้กับกองทัพรัสเซีย กลุ่มนักรบกองพันหมีจากภูมิภาคแอฟริกา ที่มารับจ้างรบให้กับกองทัพรัสเซียในแคว้นเคิร์สก์ ส่วนทางยูเครนก็ใช้นักรบรับจ้าง เช่นกัน อย่าง กลุ่มนักรบโมสาร์ท เป็นต้น
การสู้รบของบรรดากลุ่มดังกล่าว ก็ยังไม่ถึงกับมีทหารต่างชาติที่ถูกส่งเข้าไปอย่างทางการเข้าไปสู้รบระหว่างกัน
กระทั่งล่าสุด ก็มีรายงานข่าวว่า ในยุทธภูมิสงครามรัสเซีย – ยูเครน ได้มีทหารจากองทัพเกาหลีเหนือ หรือโสมแดง เข้าไปเพ่นพ่านในสมรภูมิดังกล่าวด้วย
ถึงขนาดมีการเสียเลือดเนื้อ คือ ตาย เจ็บ กันเลยทีเดียว
โดยเป็นการเปิดเผยของ นายคิม ยอง-ฮยุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ที่กล่าวต่อบรรดานักการเมือง และคณะสื่อมวลชนของเกาหลีใต้ถึงสถานการณ์สู้รบในสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วว่า มีความเป็นไปได้สูงว่า ทหารเกาหลีเหนือ จำนวน 6 นาย เสียชีวิตในสมรภูมิดังกล่าว จากการที่ถูกกองทัพยูเครน ยิงขีปนาวุธในพื้นที่เมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลเปียงยางของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ที่ถึงแม้สูญเสียกำลังพลในสมรภูมิดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังมีแผนการที่ส่งทหารจากกองทัพเกาหลีเหนือ เข้าไปร่วมสมทบกับกองทัพรัสเซีย ในการทำสงครามที่ยูเครนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ไม่ผิดอะไรกับข้อกล่าวหาที่เกาหลีเหนือ เข้าร่วมกับรัสเซีย ในการรุกรานยูเครน ซึ่งทางการรัสเซีย โดยนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกแห่งทำเนียบเครมลิน กรุงมอสโก ต้องออกมาปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง และวิจารณ์ด้วยว่า เป็นข่าวปลอม สำหรับ กรณีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีทหารเกาหลีเหนือมาเข้าร่วมรบกับกองทัพรัสเซียด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารมาช่วยรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน
โดยประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวด้วยว่า เกาหลีเหนือมิใช่เพียงแต่ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาให้แก่รัสเซียเท่านั้น แต่ทว่า ยังได้ส่งทหารเข้ามาช่วยรัสเซียในการสู้รบกับกองทัพยูเครนอีกด้วย
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองยูเครน ยังได้เปิดเผยถึงการหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี ต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ด้วยว่า รัสเซียมีแผนการที่จะนำทหารเกาหลีเหนือมาช่วยเพิ่มเติมกองกำลังของพวกเขาในการสู้รบกับกองทัพยูเครน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไปจนถึงฤดูหนาวนี้อีกด้วย คือ ตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้าเลยทีเดียว ที่กองทัพยูเครน ต้องรบกับกองทัพรัสเซีย ที่มีทหารเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมทำศึกด้วย นอกเหนือจากอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกาหลีเหนือมาช่วยเติมเต็มให้แก่กองทัพรัสเซียแล้ว ก็เท่ากับว่า เกาหลีเหนือได้รุกรานต่อยูเครนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ของเกาหลีเหนือที่เคยถูกกองทัพรัสเซีย ใช้เป็นเขี้ยวเล็บในการถล่มโจมตียูเครนนั้น ก็มีรายงานว่า เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพรัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธ “เคเอ็น-23” หรือชื่อเป็นทางการอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮวาซอง-11” ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยทำการระยะกลางของเกาหลีเหนือ จำนวนนับสิบลูก มาโจมตีในพื้นที่เป้าหมายต่างๆ ในยูเครน ซึ่งแน่นอนว่า ขีปนาวุธชนิดนี้มาอยู่กับกองทัพรัสเซียได้อย่างไรนั้น ก็ต้องเป็นรัฐบาลเปียงยางของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เป็นผู้ส่งมาให้แก่รัสเซีย ก่อนถูกนำมาประจำการและใช้งานในสมรภูมิยูเครน
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองยูเครน ยังระบุถึงคำกล่าวของประธานาธิบดีเซเลนสกี ที่บอกว่า มีสัญญาณว่า ความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือกระชับกันมากขึ้น และพร้อมๆ กันนั้น บทบาทของรัสเซียก็มีมากขึ้นในกลุ่มอักษะของพวกเขา อันประกอบด้วย รัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคสมัยที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซีย
โดยความสัมพันธ์รัสเซียกับเกาหลีเหนือ ที่กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นนั้น ก็เห็นได้จากการที่ผู้นำของทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนระหว่างกันในช่วงที่ผ่านมา ก่อนนำไปสู่การจรดปากกาลงนามของประธานาธิบดีปูติน และนายคิม จอง-อึน ในข้อตกลงว่าด้วยยุทธศาสตร์ทางการทหาร เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนกลางปีนี้ ซึ่งมีเนื้อหาสาระแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกันเป็นประการต่างๆ เช่น การที่เกาหลีเหนือจะให้ความช่วยเหลืออาวุธยุทโธปกรณ์แก่รัสเซีย แลกเปลี่ยนกับการถ่ายทอดด้านเทคโนโลยีด้านดาวเทียมจารกรรมจากรัสเซีย เป็นต้น รวมถึงมีการส่งกำลังพลทหารจากกองทัพระหว่างกันด้วย
ทั้งนี้ จากการที่เกาหลีเหนือช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่รัสเซีย ถึงขนาดมีรายงานว่า ในช่วงต้นเดือนนี้ กระสุนปืนใหญ่ที่กองทัพรัสเซียยิงถล่มโจมตียูเครน จำนวนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เป็นกระสุนปืนใหญ่ที่สูงไปจากเกาหลีเหนือ
ในส่วนของกำลังพลทหารของเกาหลีเหนือที่ส่งเข้ามายังสมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น เหล่านักวิชาการด้านการทหาร ระบุว่า ถือเป็นโอกาสอันดีของเกาหลีเหนือ ที่จะได้มาเรียนรู้การสงคราม การสู้รบ การใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จากกองทัพรัสเซียไปในตัวเสร็จสรรพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กำลังพลของกองทัพ เพราะที่ผ่านๆ มา กองทัพเกาหลีเหนือ ก็ไม่ค่อยมีรายการฝึกซ้อมรบกับกองทัพนานาชาติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี การเข้าร่วมสมรภูมิแบบแทบจะเต็มตัวของเกาหลีเหนือข้างต้น ก็จะส่งผลให้สงครามรัสเซีย – ยูเครน ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้นว่า บรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกของยูเครน จะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ ตามที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ร่ำๆ เรียกร้อง