เมื่อพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปตามเทรนด์โลก โดยมุ่งสู่การเดินทางที่ไม่เพิ่มมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมรวมไปถึงได้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชุมชนในแต่ละประเทศ ดังนั้นจึงทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างต้องปรับตัว เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้  โดยเฉพาะกลุ่มของโรงแรมที่พักขนาดเล็กถึงปานกลาง หรือกลุ่มโรงแรมประเภทมิดสเกลโฮเทล  ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบพื้นฐานอยู่ระหว่างศูนย์กลางการเดินทางทั้งทางบก และอากาศ เป็นส่วนกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจที่ง่ายต่อการเข้าใช้บริการกลายเป็นสิ่งสำคัญในลำดับต้นๆ ที่ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึง

ราคาอยู่ในระดับที่จับต้องได้

ในเรื่องนี้ นางสาวธนัญภรณ์ เกิดผล ผู้จัดการทั่วไป คูโฮเต็ล โดยบริษัท บิลท์ ฮาร์ท จำกัด ได้กล่าวว่า กลยุทธ์สำการตลาดของโรงแรมจะเลือกทำเลที่ตั้ง ในจุดที่เดินทางสะดวก ติดทางขึ้นลง รถไฟฟ้ารวมถึงทางด่วน ซึ่งในส่วนของแจ้งวัฒนะจะอยู่ใกล้ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตกแต่งด้วยรูปแบบเรียบง่าย เน้นเรื่องความสะอาดและพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก  โดยเฉพาะราคาจะอยู่ในระดับที่จับต้องได้ง่ายต่อการตัดสินใจ้ เน้นการให้บริการที่มีคุณภาพ

ซึ่งจากเปิดบริการมาประมาณ 1 ปีด้วยจำนวนห้อง 79 ห้องตั้งเป้าปี 2567 มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 60%  โดยมีสัดส่วนของลูกค้าที่มาจากกลุ่มธุรกิจไมซ์ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มราชการ 10% และกลุ่มคอร์เปอเรท 20% ที่มาทำงานในศูนย์ราชการต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงแรม โดยในปี 2568 ได้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 70% rพร้อมกับมุ่งเจาะตลาดกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 800-2,000 บาท

เพิ่มกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

ด้าน นายนาวิน แก้วทิพยเนตร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม เบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร กล่าวว่า ทางโรงแรมได้เพิ่มกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เช่น กลุ่มสัมมนาภายในประเทศ โดยมีห้องประชุมไว้รองรับ ประกอบด้วยห้องใหญ่จุเต็มที่ได้ 200 คนห้องเล็กจุได้ประมาณ 60 คน รวมแล้วประมาณ 500 คน พร้อมกันนี้ยังปักธงในเรื่องการเป็น เวลเนสเดสติเนชั่น ด้วยการร่วมกับพันธมิตรต่างๆ ที่โดดเด่นในเรื่องของการดูแลร่างกายแบบองค์รวม ในพื้นที่โดยรอบของโรงแรมที่มีลักษณะเป็นอาคารมิกซ์ยูส

รวมทั้งมีการจัดทำที่พักราคาจับต้องได้ในระดับ 3 ดาว คือ Simple Stay ภายใต้แบรนด์ ชัวร์ สเตย์ คอลเล็กชั่น บาย เบสท์ เวสเทิร์น จำนวน 50 ห้อง เจาะกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ รวมถึงกลุ่มดิจิทัล โนเมด  เป็นต้น ซึ่งตลาดในกลุ่มนี้จะไม่มีฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นตลาดที่ไม่ขึ้นกับสภาวะเศรษฐกิจมากเท่าใดนัก ไม่ต้องกังวลกับงบประมาณที่ต้องเสียไป ตั้งราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง โดยเฉพาะคนไทย พิเศษสุดในช่วงเปิดบริการเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายนมีโปรโมชั่น 899 บาท ตั้งเป้าไว้ให้ผู้มาใช้บริการจดจำแบรนด์ของ Simple Stay  โดยตั้งเป้าอัตราการเข้าพักในไตรมาสสุดท้ายปี 2567 อยู่ที่ 70%

โดยที่พักดังกล่าวจะมีความยืดหยุ่นในเรื่องราคา ซึ่งทางโรงแรมจะมีการบริการตรงจากหน้าเว็บไซต์ออนไลน์ และมีสัดส่วนของออนไลน์ทราเวลเอเจนท์ประมาณ 18 %  จะเน้นย้ำในเรื่องราคาที่จับต้องได้ ทุกกลุ่มเป้าหมายสอดรับกับการเดินทางท่องเที่ยวใหม่ ที่นิยมหาที่พักในหน้าออนไลน์ 

ทั้งนี้ นายนาวิน กล่าวต่อว่าที่พักทั้ง 2 แบรนด์นี้จะแยกการทำตลาดโดยสิ้นเชิง โดย เบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่  85%  โดยมีรายได้จากทั้งห้องพัก การจัดประชุมและสัมมนา รวมถึงบริการเสริมต่างๆ ของพันธมิตรในเรื่องของเวลเนสเดสติเนชั่น และร้านอาหารเมื่อรวมรายได้แล้วอาจจะได้ถึง 10-15% ในไตรมาสสุดท้าย

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร เป็นนักท่องเที่ยวจีนมาอันดับ 1 ประมาณ 60% ส่วนคนไทยเป็นอันดับ 2 เป็นกลุ่มสัมมนาประมาณ 30% ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คละกันไปประมาณ 10% นอกจากนั้นเป็นชาวมาเลเซีย ที่อยู่ในโซนภาคใต้ แต่ถ้าขึ้นมากรุงเทพฯ จะนิยมเดสติเนชั่น คือ ประตูน้ำ เพื่อมาช้อปปิ้ง ส่วนที่ 2 จะเป็นจตุจักร ซึ่งจากที่ไปทำตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพียงช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 2 แสนบาท