"คลัง-คมนาคม" ร่วมศึกษาตั้งกองทุนซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสาย หวังเดินหน้านโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ภายใน ก.ย. 68 คาดใช่เงินประเดิมตั้งกองทุน 2-3 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 ต.ค.67 นายพิชัย ชุณหวชิร รองรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุม โดยให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม ร่วมกันศึกษาการกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพราะเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ถือเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน
โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และเพื่อเป็นการเพิ่มการใช้บริการรถไฟฟ้าของประชาชนให้มากขึ้น ช่วยลดเวลาการเดินทาง ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวีตดีขึ้น การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ช่วยลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาการจราจรติดขึ้น
"กระทรวงการคลังจะเร่งศึกษาการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดว่าจะใช้เงินอยู่ที่ 2-3 แสนล้านบาท เพื่อซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายคืนให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในราคา 20 บาททุกสาย ทั้งจะต้องศึกว่าต้องทำอย่างไร ทำแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร คุ้มค่าการเงินอย่างไร แหล่งการเงินมาจากไหน ต้องดูภาพรวมโครงสร้างอย่างไรจะทำให้ค่าโดยสารอยู่ที่ 20 บาท ถือเป็นการคิกออฟนโบายเร่งด่วน"
ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อศึกษาการกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทโดยเร็ว โดยกระทรวงคมนาคมจะใช้แหล่งเงินบางส่วนจากส่วนแบ่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาชดเชยค่าโดยสารให้ประชาชนก่อนระหว่างที่รอผลการศึกษายังไม่เสร็จ
โดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้ทำต่อเนื่องทุกสาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลหรือเอกชน เมื่อการศึกษาแล้วเสร็จก็จะดำเนินการตามแนวทางที่ชัดเจนแล้ว
"กระทรวงการคลังคงต้องหาแหล่งเงินว่าจะมาจากไหนที่จะซื้อคืนสัมปทานในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่น่าจะมีปัญหา ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เริ่มใช้ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายมาแล้วในสายสีแดง และสายสีม่วง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทำให้ผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้น 50% และช่วยลดมลภาวะ PM 2.5 รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนด้วย" นายสุริยะกล่าว