‘อเรย์ โฮมบิลเดอร์’ (ARRAY HOMEBUILDER) รุกตลาดสร้างบ้านหรู 20 – 30 ล้านบาทขึ้นไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ขานรับดีมานด์สร้างบ้าน ‘เศรษฐีคนรุ่นใหม่’ (Young Millionaire) ที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจจนเติบโต เจาะอินไซต์ความสำเร็จ คือศิลปะ สะท้อนตัวตนผ่านการอยู่อาศัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Art for Living, Design for you เพื่อให้เป็นบ้านที่มีอัตลักษณ์ตอบโจทย์ ‘เอ็กซ์คลูซีฟ ดีไซน์ – ฟังก์ชั่นใหม่ – คุ้มค่า’ เร่งเดินหน้างัดกลยุทธ์มัดใจลูกค้า ‘ออกแบบครบวงจร – มาตรฐานสร้างบ้านมืออาชีพ – อเรย์ แคร์ ดูแลหลังเข้าอยู่’ รับประกันโครงสร้าง 20 ปี จัดเต็มความคุ้มค่าจากต้นทุนก่อสร้างต่อตารางเมตร ตั้งเป้า 15 หลังต่อปี

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 นายปริญญา ธนินถิรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อเรย์ โฮมบิลเดอร์ จำกัด (ARRAY HOMEBUILDER) เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมา 20 ปี ด้วยจุดเริ่มต้นเป็นสถาปนิกรับออกแบบบ้าน นำมาสู่การต่อยอดเป็นก่อสร้างบ้าน และรับตกแต่งภายใน รีโนเวท รวมเป็นบริการที่ครบวงจรในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนก่อสร้าง ระหว่างก่อสร้าง และดูแลหลังการเข้าอยู่ เพื่อให้บ้านทุกหลังเป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับลูกค้า

“เรามุ่งมั่นรักษาคุณภาพ และนำเสนอการบริการแบบครบวงจร ด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างบ้านที่น่าอยู่ ปลอดภัย และตรงใจลูกค้า โดยเตรียมขยายกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม จากที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มหลักที่รับสร้างบ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีแนวทางการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มบ้านระดับ 20 – 30 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง และแนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง” นายปริญญา กล่าว

ดีมานด์บ้านหรู 20 – 30 ล้านบาท โตต่อเนื่อง

ปัจจัยที่บ้านในตลาด 20 – 30 ล้านบาทเติบโตมาจากดีมานด์ของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่อายุน้อย เฉลี่ย 30 ปี ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการทำธุรกิจ ทำให้มีความต้องการบ้านหลักใหม่ และมีความพร้อมในการจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อหรือสร้างบ้านด้วยเงินสด ทำให้ภาพรวมตลาดในกลุ่มระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งบ้านในโครงการจัดสรร และบ้านสร้างเองบนที่ดินเปล่า ยิ่งหากการสร้างบ้านงบประมาณ 20 – 30 ล้านบาท จะได้ขนาดและความเหมาะสมกำลังดี

“ปัจจุบันผู้บริโภคที่กำลังวางแผนมีบ้านหลังใหม่เริ่มมีมุมมองที่เข้าใจ และเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองทางเลือกได้ดีกว่าที่ผ่านมา เช่น ทำเลที่ตั้งในเมือง และนอกเมืองมีผลต่อราคาบ้าน ในกรณีของที่ดินจัดสรร บ้านระดับ 500 ตารางเมตรขึ้นไปจะมีราคากว่า 40 ล้านบาทรวมราคาที่ดิน แต่ถ้าเราสร้างบ้านในขนาดเท่ากันจะได้บ้านมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท หากรวมต้นทุนที่ดิน อีกประมาณ 10 ล้านบาท จะเป็น 25 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเป็นการลดต้นทุนลง แต่สามารถดีไซน์ เลือกวัสดุในแบบที่ชอบ ประหยัดเงินค่าส่วนกลาง และได้บ้านที่ตรงใจมากขึ้น” นายปริญญา กล่าว

เปิดกลยุทธ์เด็ด ARRAY HOMEBUILDER : Art for Living, Design for you

นายปริญญา กล่าวว่า ความท้าทายในปีนี้ คือการเร่งทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ตามคอนเซปต์ Art for Living, Design for you ด้วยการเจาะตลาดใหม่ที่มีโอกาสในกลุ่มบ้านระดับ 20 – 30 ล้านบาท และเปิดช่องทางใหม่เพื่อเพิ่มบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมโฟกัสเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ​ และปริมณฑล เท่านั้น

โดยกลยุทธ์ของอเรย์ โฮมฯ ที่เตรียมรุกตลาดกำลังซื้อ “เศรษฐีคนรุ่นใหม่” (Young Millionaire) จะเกิดขึ้นในหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การขยายการให้บริการรับสร้างบ้านที่ครอบคลุมทั่วประเทศในกลุ่มบ้านระดับ 20 – 30 ล้านบาท ซึ่งแนวคิดนี้จะทำให้สามารถสร้างการรับรู้ทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อดันยอดสร้างบ้านกลุ่มนี้ตั้งเป้าเติบโต 15 หลังต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทฯ เน้นนำเสนอบริการที่ครบวงจร ในราคาที่จับต้องได้ ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้างบ้าน ตกแต่งภายใน รีโนเวทพร้อมแบบบ้านมาตรฐานให้เลือกกว่า 60 แบบ ได้แก่ VILLADEL แบบบ้านสไตล์โมเดิร์นสุดหรู และ THE MOST-D แบบบ้านโมเดิร์น วิลล่า ดีไซน์ใหม่ เป็นต้น รวมถึงบ้านที่ออกแบบเฉพาะบุคคล (Exclusive Design) ขนาดบ้าน 500 – 1,000 ตร.ม., 1,001 – 1,500 ตร.ม. และบ้านขนาด 1,501 ตร.ม. ขึ้นไป โดยมีค่าก่อสร้างบ้านเฉลี่ย 23,000 – 30,000 บาท ต่อตร.ม.

ด้านบริการหลังเข้าอยู่ของลูกค้า “อเรย์ แคร์” เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญของธุรกิจ ซึ่งบริการจะมีตั้งแต่ก่อนก่อสร้าง การดูแลออกแบบ จัดทำแบบ หาสินเชื่อในวงเงินพิเศษเป็น 100% ของมูลค่าบ้าน และประสานงานหน่วยงานราชการ

“บ้านทุกหลัง เราจะเจาะสำรวจดิน ซึ่งปกติบริษัทอื่นไม่ทำกัน เพราะมองว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ โดยเราทำการตรวจสอบคุณภาพดิน ทดสอบเสาเข็มทุกต้น พร้อมตรวจสอบหกขั้นตอน ตามมาตรฐาน ISO 9001:2008 รวมทั้งรับประกันโครงสร้าง 20 ปี ดูแลงานระบบอีก 2 ปี และส่วนของหลังคา 5 ปี พร้อมบริการบำรุงรักษาฟรี 3 ครั้งต่อปี เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่อง รวมถึงการทาสีใหม่ทั้งหลัง สำหรับบ้านที่มีอายุครบ 2 ปี เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการสร้างบ้านกับเรา” นายปริญญา กล่าว

เจาะอินไซต์ ‘เศรษฐีคนรุ่นใหม่’ (Young Millionaire) ทุ่มจ่าย เพื่อไลฟ์สไตล์ และฟังก์ชันบ้าน

ทั้งนี้ การสร้างบ้านแต่ละหลังที่มีเอกลักษณ์ และเสน่ห์ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญ คือการเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้า ‘เศรษฐีคนรุ่นใหม่’ (Young Millionaire) โดยเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ประสบความสำเร็จจากธุรกิจสมัยใหม่ (ออนไลน์) และมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตหรูหรา สวยงาม บ้านจึงเหมือนงานศิลปะที่เจ้าของบ้านรังสรรค์ สะท้อนความมีอัตลักษณ์ในตัวเอง เศรษฐีรุ่นใหม่เหล่านี้บางคนเริ่มสะสมงานศิลปะตั้งแต่อายุยังน้อย และนำมาเป็นงานผลงานตกแต่งบ้าน พร้อมเป็นพื้นที่ใช้สอยรองรับการทำคอนเทนต์ได้ด้วย จนเป็นที่มาของรูปแบบการสร้างบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Art for Living, Design for you

นอกจากนี้ บ้านหรูที่อยู่ในความต้องการยังต้องมาพร้อม ห้องรองเท้า และกระเป๋า อย่างน้อยขนาดพื้นที่ 6 ตร.ม. ความจุรองเท้า 1,000 คู่, ครัวโชว์ พื้นที่สำหรับการอุ่นอาหาร จัดกิจกรรมปาตี้ รองรับ 15 – 20 คน รวมถึงห้องเวลเนส สำหรับผู้สูงอายุ เป็นห้องขนาดใหญ่ บริเวณใหญ่ พยาบาลดูแลได้ตลอดคืน และห้องสำหรับน้องหมาน้องแมว

สำหรับฟังก์ชันที่มาแรง คือห้องเก็บเพชรและเครื่องประดับ บางบ้านกำหนดไว้ใกล้ห้องนอนเพื่อให้ดูแลง่าย ส่วนบางหลังเอาไปไว้โซนรับแขก ที่ติดตั้งระบบความปลอดภัยไว้อย่างดี รวมทั้งการติดตั้งลิฟต์โดยสาร และห้องระบบที่เกี่ยวกับพลังงานโดยเฉพาะ เช่น โซล่าเซลล์ ฯลฯ

นายปริญญา กล่าวอีกว่า การแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านในตลาดบ้านหรู (Luxury Home) มีค่อนข้างสูง ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง และมีในสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายถึงการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มบ้านระดับ 20 – 30 ล้านบาท พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ “เมื่อนึกถึงบ้านโมเดิร์นสมัยใหม่ อยากให้นึกถึงอเรย์”นายปริญญากล่าว

ทั้งนี้ในส่วนของการทำการตลาดของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน อเรย์ โฮมบิลเดอร์ ออกบูทเป็นประจำกับงานของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ล่าสุด กำลังเตรียมการร่วมงานบ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2024 ระหว่างวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม – วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 รวมระยะเวลา 10 วัน ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี