หวนกลับไปสู่ระเบียบปฏิบัติการนับคะแนนเลือกตั้งแบบเดิมๆ อย่างสุดเหลือเชื่อ

สำหรับ “สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของโลกเรา ต้องกลับไปใช้วิธีนับคะแนนเลือกตั้งแบบเก่า

นั่นคือ “การใช้มือนับบัตรเลือกตั้ง” แทนที่จะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยมานับบัตรเลือกตั้งของเหล่าประชาชนที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงในบัตรเลือกตั้งตามคูหาต่างๆ สำหรับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) ที่ใกล้จะมีขึ้นในอีก 3 อังคารหน้า คือ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนที่จะถึง ซึ่งการนับคะแนน หรือนับบัตรเลือกตั้งด้วยมือข้างต้นนั้น ก็จะเป็นการนับคะแนนเลือกตั้งที่ “รัฐจอร์เจีย”

โดยปรากฏการณ์ “ย้อนทวนเข็มนาฬิกา” ดังกล่าว ก็มีขึ้นภายหลังจาก “คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย” ออกคำสั่งให้บรรดาเจ้าหน้าที่เขตในทุกเทศมณฑล หรือเคาน์ตี ต้องทำการนับบัตรคะแนนเลือกตั้งด้วย “มือ” ทั้งๆ ที่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา รัฐจอร์เจียแห่งนี้ ก็ใช้อุปกรณ์เครื่องนับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เฉกเช่นเดียวกับการนับบัตรคะแนนเลือกตั้งเหมือนกับรัฐอื่นๆ หรือแม้กระทั่งในหลายประเทศก็ใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ มาช่วยนับบัตรกันแล้ว เพราะมีความสะดวกรวดเร็ว แถมยังอาจมีความน่าเชื่อถือมากเสียยิ่งกว่าให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนตัวเป็นๆ นับกันด้วยซ้ำ

พลันสิ้นเสียงของคำสั่งที่ออกมา ก็เกิดกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมกันโดยพลัน รวมไปถึงเกิดข้อกังขาของที่มา ที่ไป เบื้องหน้า เบื้องหลังของคำสั่งข้างต้น

ก็มีกระแสเสียงออกมาว่า “คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจีย” แห่งนี้ ถุกควบคุมโดยกลุ่มผู้ที่สนับสนุนต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 แห่งพรรครีพับลิกัน

ทั้งนี้ หลังจากที่คำสั่งดังกล่าวถูกประกาศออกไป ก็ทำเอาบรรดาเจ้าหน้าที่ทำงานด้านจัดการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียบ่นกันอุบมิใช่น้อย เพราะกลายเป็นว่า สร้างงานให้บรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ต้องเหนื่อยมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างความกังวลว่า อาจจะทำให้พวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะผิดพลาดมากยิ่งขึ้นไปด้วย

ถึงขนาดในบางเขตเคาน์ตี ต้องดำเนินการฝึกฝนเจ้าหน้าที่หัดนับบัตรลงคะแนนด้วยมือกันใหม่เลยทีเดียว

บรรยากาศการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งนับบัตรเลือกตั้งโดยใช้มือที่ลีเคาน์ตี รัฐจอร์เจีย (Photo : AFP)

ยกตัวอย่างเช่นที่ “ลีเคาน์ตี” ซึ่งนางเวโรนิกา จอห์นสัน ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งและลงทะเบียนแห่งเขตลีเคาน์ตี แม้จะออกมาเอ่ยปากว่า กระบวนการการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งที่ถูกเปลี่ยนไปนั้น ไม่เป็นปัญหาหนักต่อการทำงานในเขตที่เธอดูแลรับผิดชอบอยู่ก็ตาม แต่ทว่า เธอก็ต้องจัดฝึกอบรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งด้วยมือกันเป็นระยะๆ จนมือเป็นระวิงอยู่เหมือนกันของเหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่ในสังกัดของเธอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ มีความคล่องแคล่วในการใช้มือนับบัตรเลือกตั้ง รวมถึงการป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้

นอกจากเรื่องความผิดพลาดที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดแล้ว หลายฝ่ายก็แสดงความกังวลในเรื่องโลจิสติกส์ เกี่ยวกับการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง ในระหว่างที่รอนับคะแนนอีกด้วย เพราะการใช้มือนับบัตรฯ ก็แน่นอนว่า ย่อมต้องใช้เวลามากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เครื่องนับที่รวดเร็วกว่า

ว่ากันในส่วนของเจ้าหน้าที่ในฐานะผู้ปฏิบัติงานซึ่งจะต้องอยู่ “หน้างาน” ต่างบ่นกันอุบ ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในฝ่ายที่สนับสนุนต่อพรรคเดโมแครต หรือแม้กระทั่งในพรรครีพับลิกันหลายราย ก็บ่นตำหนิติติงกับเขาด้วยเหมือนกัน

โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้ ล้วนต่างเห็นว่า การนับคะแนนบัตรเลือกตั้งด้วยมือเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเลย เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องนำบัตรเลือกตั้งเหล่านั้นไปให้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ช่วยนับอยู่ดี เพื่อความถูกต้องแม่นยำ เสียเวลา และเสียกำลังของเจ้าหน้าที่ไปโดยใช่เหตุ

แถมมิหนำซ้ำ การใช้มือนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง อาจจะยิ่งเพิ่มข้อกังขาในเรื่องของความถูกต้องแม่นยำให้แก่ประชาชนที่กำลังจับตา เฝ้ารอผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ยิ่งเวลาการรอคอยเนิ่นนานออกไป ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเปิดโอกาสให้เกิดปรากฏการณ์โหมกระพือ “ข่าวปลอม” ต่างๆ เกี่ยวกับผลเลือกตั้งได้อย่างสารพัด เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งขนาดใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์นับบัตรเลือกตั้ง จนผลคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม

เจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งของเขตลีเคาน์ตี รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ ฝึกการตรวจสอบบัตรเลือตั้ง ในระหว่างการฝึกอบรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งด้วยมือ (Photo : AFP)

โดยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่แล้วมา คือ ปี 2020 (พ.ศ. 2563) นั้น ถึงขนาดมีการสั่งให้เปลี่ยนผลการนับคะแนนของรัฐจอร์เจียแห่งนี้ ก็เคยมีมาแล้ว ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนั้น ปรากฏว่า นายโจ ไบเดน เป็นฝ่ายมีชัยเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับการชิงชัยในรัฐแห่งนี้ แต่ปรากฏว่า ได้มีความพยายามเปลี่ยผลคะแนนเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจียแต่ไม่เป็นผล

กล่าวถึงรัฐจอร์เจียที่มีการเปลี่ยนกฎการนับคะแนนด้วยมือข้างต้น ก็ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิ หรือรัฐสวิงสเตท ที่มีต่อสู้กันอย่างดุเดือดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ละครั้ง โดยถือว่า หากผู้สมัครฯ คนใดได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่รัฐสมรภูมิทั้ง 7 รัฐเหล่านี้ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้เข้าสู่ทำเนียบขาว ในฐานะประธานาธิบดีของประเทศ

ทั้งนี้ ก็ด้วยรัฐสมรภูมิเหล่านี้ ล้วนมีคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเล็กทอรัลโหวตเตอร์สูงนั่นเอง

โดยที่รัฐจอร์เจีย ก็มีจำนวนคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 16 เสียง เป็นบำเน็จรางวัลสำหรับผู้สมัครฯ ที่ชนะในรัฐแห่งนี้

ในส่วนของคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ที่รัฐจอร์เจีย ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สมัครฯ จากพรรครีพับลิกัน กับนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สมัครฯ จากพรรคเดโมแครต ก็ต้องถือว่า คู่คี่สูสี อย่างสุดประมาณโดยการสำรวจโพลล์ครั้งล่าสุด ปรากฏว่า นายทรัมป์ นำหน้าเหนือกว่านางแฮร์ริสอยู่ที่ร้อยละ 48.2 ต่อ 47.3 ซึ่งคะแนนนิยมที่ออกมาอย่างนี้ ก็ต้องบอกว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในสนามเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย อันเป็น 1 ใน 7 ของรัฐสมรภูมิแห่งนี้