คกก.คัดเลือกฯ นัด 4 พ.ย.เคาะ "ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ" รอตรวจสอบคุณสมบัติ "กิตติรัตน์" จับตาหลัง ปปช.อุทธรณ์สู้คดีข้าวบูล็อค
วันที่ 14 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "สำนักข่าวอิศรา" นำเสนอรายงานข่าว เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า จากกรณีคณะกรรมการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ยังไม่มีการลงมติคัดเลือกประธานคณะกรรมการ ธปท. คนใหม่ เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการพิจารณาของที่ประชุมฯนั้น
ล่าสุดแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้าในการสรรหาประธานคณะกรรมการ ธปท. ว่า ได้มีการนัดหมายประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯในวันที่ 4 พ.ย.2567 เพื่อพิจารณาลงมติคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. ให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 28/2 กำหนดให้คณะกรรมการคัดเลือกฯต้องคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ ธปท.
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2567 ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ขอขยายระยะเวลาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการพิจารณาของที่ประชุมฯ และจะรวบรวมกลับมานำเสนอคณะกรรมการคัดเลือกฯต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยที่ว่างลงในครั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาคัดเลือกเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ธปท. รวม 9 ราย ในจำนวนมีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อพิจารณาคัดเลือกเป็นประธานคณะกรรมการ ธปท. 3 ราย ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งเสนอชื่อโดยกระทรวงการคลัง ส่วนอีก 2 ราย คือ นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และนายสุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอชื่อโดย ธปท.
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา ว่า คณะกรรมกาคัดเลือกฯต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. ทุกราย ว่า มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่มาตรา 18 (5) แห่ง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท.ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่จะพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปีเช่น กรณีนายกิตติรัตน์ ซึ่งพบข้อมูลว่านายกิตติรัตน์ เคยได้รับแต่งตั้งให้ตำแหน่งคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเมื่อเดือน มี.ค.2566 โดยนายชลน่าน ศรีแก้ว ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแม้ว่านายชลน่านจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในวันที่ 30 ส.ค.2566 แล้ว แต่คณะกรรมการสรรหาฯต้องตรวจสอบว่า นายกิตติรัตน์ยังคงดำรงตำแหน่งดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และนายกิตติรัตน์มีการดำรงตำแหน่งอื่นๆในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นอกจากนี้ คณะกรรมการสรรหาฯจะต้องเข้าไปตรวจสอบ กรณีที่นายกิตติรัตน์ยังอาจมีคดีความอื่นๆค้างอยู่หรือไม่ อาทิ คดีความที่อยู่ในความรับชอบของ ป.ป.ช.
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแจ้งให้อัยการสูงสุดอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.พาณิชย์ กรณีเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่องค์การสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเชีย (BULOG) แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่จัดให้มีการแข่งขันราคา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับแจ้งเรื่องจาก ป.ป.ช. แล้ว อัยการสูงสุดจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของอัยการสูงสุด