‘วันชัย’ซัดขบวนการคนหน้าเดิมจ้องเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ ระบุเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ จับแพะชนแกะเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ โยงมั่วพันกันไปหมด บางเรื่องตั้งแต่นักร้องยังไม่เกิด เตือนระวังคนในขบวนการล่มสลาย-หยุดหายใจก่อน ด้าน “หมอวรงค์” ดักคอนักการเมืองหยุดอ้าง “ปชช.” เลิกรธน.ฉบับปราบโกง 

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.67 นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊ค หัวข้อ “ใครจะล่มสลายก่อนกัน” โดยระบุว่า ตกลงเพื่อไทยจะล่มสลายหรือใครจะล่มสลายกันแน่ เพราะคนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้คุยใหญ่คุยโตเหมือนหนังบู๊ล้างผลาญ พอฉายออกมาไม่มีอะไรเลย มีแต่คนโห่ฮาป่า เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ จับแพะชนแกะเหมือนเด็กเลี้ยงแกะยังไงยังงั้น มันไม่มีอะไรเลย เขียนคำร้องโยงไปโยงมาให้พันกันเป็นประเด็นๆ เอาข่าวของคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยที่สื่อรู้กันอยู่แล้ว มาเขียนให้เข้าเป็นข้อกฎหมาย โยงให้เข้าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำนองว่าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน เรียกง่ายๆ ว่าคุณทักษิณขยับอะไรหน่อยก็ผิดไปทุกเรื่อง ไม่ว่าจะพูดกินเดินนั่งนอนหรือแม้หายใจก็ผิดไปหมด และพรรคเพื่อไทยก็พลอยผิดไปด้วย เป็นการคาดคะเน มโน และจินตนาการสารพัดเรื่อง เอามาผูกโยงให้มั่วพันกันไปหมด บางเรื่องก็เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ผู้ร้องยังเป็นเด็ก ทันรู้เรื่องหรือยังก็ไม่รู้ เห็นคำร้องแล้วมาจากความล่มสลายทางความคิดและความแค้นมากกว่าเหตุผล

นายวันชัย ระบุอีกว่า ขบวนการนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่เป็นการกระทำของคนหน้าเดิม และคนอยู่ข้างหลังก็คนเดิมๆ คิดแต่จะล้มล้างรัฐบาล เซาะกร่อนบ่อนทำลายคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ไม่มีประเด็นก็หาประเด็น ไม่มีเรื่องก็หาเรื่อง ตราบใดที่คุณทักษิณยังหายใจอยู่ คนพวกนี้ก็ยังมองว่าผิดอยู่นั่นแหละ คิดอยู่ตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจะให้เขาหยุดหายใจ จะได้นอนตายตาหลับ แต่ถ้ามีอาการฟุ้งซ่านขนาดนี้ สงสัยคนในขบวนการนี้จะล่มสลายและหยุดหายใจเสียก่อนกระมัง

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า หยุดอ้างประชาชนเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง สิ่งที่น่าแปลกใจ นักการเมืองมีอะไรนักหนา ที่ต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกงของลุงตู่ ถึงขนาดเห็นพ้องร่วมกันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน การที่มีการเห็นพ้องกัน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลถือว่าผิดปกติ ถ้าดูในรายละเอียดรัฐธรรมนูญปราบโกง ผมเข้าใจว่าเจตนาของคนเหล่านี้ เกรงกลัวเรื่องปราบโกง เรื่องจริยธรรม รวมทั้งองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกับนักการเมืองที่ไม่ตรงไปตรงมา คนพวกนี้กลัว จึงอยากยกเลิกเพื่อร่างใหม่
แต่การยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง ต้องมีการทำประชามติ เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาทดแทน เหตุผลที่อ้างบังหน้าคือ ต้องการรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่ตลกย้อนแย้ง รัฐธรรมนูญปราบโกง ผ่านประชามติอย่างท่วมท้น ด้วยเสียงข้างมากสองชั้นนั่นคือ มีผู้มีสิทธิ์ในขณะนั้น 50 ล้านเสียง และมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 29.7ล้านเสียง เท่ากับผ่านเกณฑ์ จำนวนขั้นต่ำของผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ

ส่วนในจำนวนที่ออกมาใช้สิทธิ์ ลงคะแนนเห็นชอบ 16.8 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10.5 ล้านเสียง จากที่ออกมาใช้สิทธิ์ 29.7ล้านเสียง เท่ากับผ่านเกณฑ์ จำนวนขั้นต่ำของผู้ออกเสียงในความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบนั้น ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง
รัฐธรรมนูญปราบโกง จึงผ่านประชามติแบบสง่างาม ถือว่าผ่านเกณฑ์เสียงข้างมากสองชั้น แต่เมื่อจะทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง กลัวว่าจะแพ้ เลยมีการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ให้ลดเกณฑ์เหลือเสียงข้างมากชั้นเดียว ให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยไม่ต้องสนใจว่าผู้มาออกเสียงถึงครึ่งของผู้มีสิทธิ์หรือไม่

พวกคุณทำแบบนี้เท่ากับว่า ทำเพื่อให้ตนเองชนะ ไม่ต้องรณรงค์ให้เหนื่อย มีคนออกมาลงประชามติไม่กี่คนก็ได้ แบบนี้จะเรียกประชามติหรือมติของประชาชนได้อย่างไร ยิ่งพวกคุณบอกว่าต้องการ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน แต่กลัวประชาชนไม่ออกมาลงประชามติ เท่ากับว่าพวกคุณเอาประชาชนมาอ้าง ถ้าประชาชนเขาต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกงจริง คุณไม่ต้องกลัวว่า ประชาชนจะไม่ออกมาลงเสียงเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง

สุดท้ายแล้วนักการเมืองต่างหาก ที่ต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญปราบโกง ยอมสุมหัวร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล อย่าเอาประชาชนมาอ้าง ที่สำคัญกลัวแพ้ประชามติจึงแก้กติกา เพื่อให้พวกนักการเมืองชนะประชามติ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามที่นักการเมืองต้องการ โจรจะได้ครองเมืองง่ายขึ้น หรือเอาประเทศไปเป็นเมืองขึ้นตะวันตกง่ายขึ้น โชคดีที่วุฒิสภาเขาไม่เอาด้วย