"จิราพร" เตรียมหารือปม”ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ดันเป็นคดีพิเศษ ระบุดารามีเอี่ยวต้องเข้าสู่กระบวนการ ด้านดาราพิธีกรดัง “กันต์ กันตถาวร" ควงทนายให้ปากคำพนักงานสอบสวน “บก.ปคบ.” เจ้าตัวลั่น"ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด" ขณะที่เหยื่อ "ดิ ไอคอน กรุ๊ป" พาเหรดแจ้งความกองปราบต่อเนื่อง "ทนายตั้ม" ปูดอังคารนี้ "แท็คทีม" พาเหยื่อแจ้งจับ ทุก"บอส”
เมื่อวันที่ 13 ต.ค.67 น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ ว่า ขณะนี้มียอดของผู้มาร้องทุกข์ 504 ราย ความเสียหาย 118 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดี โดยเมื่อวานนี้ทาง สคบ. ได้ร่วมสอบสวนด้วยสอบถามข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้หยุดทำงาน เมื่อวานนี้ก็มีการสอบสวนถึง 5 ทุ่ม และมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์อย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวนยอดผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายเข้าเกณฑ์เป็นคดีพิเศษได้จะดำเนินการให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้เข้ามาร่วมทำคดีนี้อยู่แล้ว เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อมูล และเมื่อมีผู้เสียหาย 300 คนขึ้นไป และมูลค่าความเสียหายเกิน 100 ล้านบาท ก็เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นคดีพิเศษ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดีเอสไอจะพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้เข้ามาพูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการรับเรื่องร้องทุกข์และสอบสวนข้อเท็จจริง
สำหรับผู้เสียหายในพื้นที่ต่างจังหวัดจะต้องเข้ามาร้องทุกข์ภายในกรุงเทพมหานครหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ผู้เสียหายสามารถไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ได้เลยไม่ต้องเดินทางมาที่กรุงเทพฯ หรือโทร 1599 ตลอดจนยื่นร้องทุกข์ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ส่วนที่ สคบ.ถูกพาดพิง เรื่องเทวดา สคบ.รับสินบน เรื่องนี้มีกรอบเวลาในการตรวจสอบหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะอยากได้คนนอกเข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความโปร่งใส คาดว่าจะสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ได้ในวันอังคารที่ 14 ตุลาคมนี้
สำหรับกรณีที่ดารานักแสดงออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนกับการบริหารธุรกิจดิไอคอน และการโฆษณาก็เป็นการพูดตามสคริปต์ที่ทางบริษัทจัดให้เท่านั้น ส่งผลให้พ้นผิดได้หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะชี้แจงกับประชาชน แต่ทุกคนก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบข้อหาที่ชัดเจนก็จะมีการขยายผล
เมื่อถามว่า สคบ.มีมาตรการตั้งรับอย่างไร เนื่องจากธุรกิจประเภทนี้มีผู้เสียหายทยอยเข้ามาแจ้งความจำนวนมาก น.ส.จิราพร กล่าวว่า ธุรกิจประเภทนี้มีความเสียหายมาแล้วในอดีต ซึ่งจะมีการอัพเกรดตามความเปลี่ยนแปลง หน่วยงานราชการเองก็ต้องมีการอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา สคบ. ก็จะดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และในระยะยาวก็จะต้องมาพูดคุยกันเพื่อทำงานอย่างบูรณาการ และต้องกลับไปดูกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องว่าล้าสมัยหรือไม่
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ สคบ.จะต้องทำงาน เชิงรุกมากขึ้นหรือไม่เนื่องจากธุรกิจขายตรงมีมากขึ้นป้องกันไม่ให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นอีก น.ส.จิรพร กล่าวว่า ได้หารือกับสคบ. ว่าเรามีทั้งพ.ร.บ.ขายตรง ตลาดแบบตรง และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค ถ้ามีการอนุญาตธุรกิจประเภทนี้จะต้องมีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นลักษณะให้บริษัทเป็นผู้แจ้งงบการเงินเข้ามาทุกปี ไม่มีระบบเข้าไปตรวจในเชิงรุกจึงอยากเป็นประเด็นสำคัญที่อยากให้เข้าไปแก้ไขเพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ การมอบโล่รางวัลของ สคบ. จะต้องตรวจสอบมากขึ้นหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นการการันตีให้กับบริษัทขายตรงได้ น.ส.จิราพร กล่าวว่า การมอบโล่รางวัลให้กับบริษัทดิไอคอนเมื่อปี 2563 เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้เข้ามามอบยาและหน้ากากอนามัยรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในช่วงโควิด-19 ซึ่งมีการสัมมนาของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร โดย สคบ.ได้ส่งคนเข้าไปเป็นวิทยากรร่วม จึงมีการส่งชื่อบริษัทดังกล่าวเข้ามา รับรางวัลในฐานะผู้ทำสาธารณะประโยชน์ ไม่ใช่รางวัลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ จึงสั่งการให้สอคอบกลับไปดูข้อเท็จจริง และตรวจสอบว่าทางบริษัทดังกล่าวได้นำรางวัลไปใช้ในทางผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่นไปทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าทางบริษัทประกอบธุรกิจได้ดีจึงได้รับรางวัล หากเข้าข่ายความผิดก็จะเรียกรางวัลคืน
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า มีหลายคนที่โทรมาในลักษณะอ้างตนเป็นผู้เสียหายเพื่อลวงถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็พอจะทราบว่าเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ใช่ เราอยากเตือนว่าไม่เกิดประโยชน์ คดีนี้เข้าสู่ระบบดำเนินการเรียบร้อย ไม่สามารถหยุดยั้งหรือยุติได้ ทั้งหลายหน่วยงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บก.ปคบ., ปปง. และดีเอสไอ เข้ามาดูในส่วนนี้ เอาเวลาไปเตรียมข้อมูลเพื่อต่อสู้คดีจะดีกว่า เพราะคดีมันเดินไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาหลอกถามข้อมูลเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงแต่คดีนี้เท่านั้นในคดีของการถูกหลอกลวงอื่น ๆ เช่น คดีแม่ตั๊ก ป๋าเบียร์ เขาสามารถที่จะมาร้องกล่าวโทษที่อาคาร บก.ป. ได้เช่นเดียวกัน
จากสถานการณ์ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนยังสามารถที่จะดำเนินการและยังรับคำร้องทุกข์ไหว แม้จะโหลดบ้าง แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้มากที่สุด ซึ่งทางเราได้มีการจัดเตรียมอาหารและกาแฟเครื่องดื่มไว้รองรับประชาชนที่เดินทางเข้ามาติดต่อแจ้งความ และจะเปิดรับพี่น้องประชาชนเรื่อย ๆ ไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. หรือจะติดต่อเจ้าหน้าที่ที่โรงพักใกล้บ้านท่านก็ได้เช่นกัน
“ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานให้เพียงพอครบถ้วนเพื่อจะนำมาประกอบสำนวนในการดำเนินคดี มิเช่นนั้นท่านอาจจะเสียเวลาในการที่จะมาติดต่อรับแจ้งความ”
สำหรับบรรยากาศที่ตึกประชาอารักษ์ ชั้น 2 ซึ่งถูกจัดตั้งเป็นศูนย์รับแจ้งความผู้เสียหาย บก.ปคบ. กรณีกลุ่มผู้เสียหายจากบริษัทอาหารเสริมชื่อดัง ดิ ไอคอน กรุ๊ป พบมีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความเป็นจํานวนมาก โดย พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1.บก.ปคบ. เปิดเผยว่า ในการแจ้งความสามารถเดินมาแจ้งความได้ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำหรับคนที่สะดวกและสำหรับคนที่ไม่สะดวกสามารถแจ้งความได้ที่สถานีตํารวจใกล้บ้าน โดยเอกสารที่ใช้ประกอบในการแจ้งความ จะต้องมีสำเนาบัตรประชาชน สำเนาการโอนเงิน หลักฐานการแชท และหลักฐานการสมัครสมาชิก ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานเหล่านี้มาจะเป็นคำให้การเปล่า ไม่มีน้ำหนักและไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งศูนย์รับแจ้งความจะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ซึ่งเมื่อวานนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความจำนวน 422 คน ความเสียหายล่าสุดอยู่ที่ 183 ล้านบาท ขณะที่วันนี้มีการรับแจ้งความเข้าในระบบแล้ว 52 คน ซึ่งจากการคาดการณ์ด้วยตาเปล่าวันนี้มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 200 คน ซึ่งใช่เวลายังไม่ถึงครึ่งวัน
วันเดียวกัน ที่อาคารผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายกันต์ กันตถาวร อายุ 38 ปี ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมทนายความ เดินทางมาเพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. หลังมีส่วนพัวพันกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท หลังจากเมื่อวานนี้ นายกันต์ ออกมาแถลงยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นและอ้างว่าเป็นเพียงสัญญาจ้าง PR เท่านั้น ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายกันต์ เดินทางมาถึง มีสีหน้าเรียบเฉย และยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชน ก่อนจะเปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาชี้แจงอธิบายกับทางตำรวจตามที่ได้บอกเอาไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุด และความชัดเจนมากที่สุด เมื่อถามว่า มั่นใจในพยานหลักฐานมากแค่ไหน กันต์ ตอบว่า “ก็ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง” เมื่อถามว่า จากกรณีที่พบว่าภรรยาของกันต์ได้มีการชักชวนให้ลงทุนบริษัทดังกล่าวด้วย นายกันต์ ตอบว่า “ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด ส่วนรายละเอียดขอให้กับทางตำรวจก่อน”
จากนั้น นายกันต์ก็ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน ก่อนเดินเข้าอาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไป ทั้งนี้ในระหว่างที่เดินเข้าอาคาร ทนายความของนายกันต์ ได้พยายามพูดร้องขอให้สื่อมวลชนงดสัมภาษณ์สอบถามใด ๆ กับตัวนายกันต์ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ได้มารับตัวนายกันต์พร้อมทนายความขึ้นไปยัง บก.ปคบ. เพื่อสอบปากคำต่อไป
มีรายงานแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. ได้นำตัวนายกันต์เข้าไปในห้องสอบ โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบคำปากในทุกแง่มุมข้อสงสัยที่เข้าไปมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับดิไคอน กรุ๊ปได้อย่างไร
ส่วนที่บริเวณชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก) น.ส.ศิริชาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี อาชีพเสริมสวย หนึ่งในผู้เสียหายคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ได้เดินทางนำเอกสารหลักฐาน พร้อมผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อาทิ กาแฟ จำนวน 8 กล่อง และวิตามินซี อีก 2 กระปุก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. หลังมีการเปิดห้องประชุมชั้น 2 ตึก บก.ป. เพื่อรองรับผู้เสียหายคดีนี้ไว้สอบปากคำ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ต.ค. โดยวันนี้ถือเป็นวันที่สาม
ทั้งนี้ น.ส.ศิริชาดา เปิดเผยว่า ตนเป็นสมาชิกระดับดีลเลอร์ ของดิไอคอน กรุ๊ป เริ่มลงทุนธุรกิจนี้เมื่อปี 2563 โดยมีคนรู้จักที่เป็นแม่ข่าย ชักชวนให้ร่วมลงทุน เพราะอยากมีรายได้เสริมหวังว่าจะรวย ช่วงแรก ๆ ได้กำไรมาประมาณ 60,000 บาท แต่ระยะหลังขายไม่ได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อไปลองทานแค่ครั้งเดียว และต้องการทดลองสินค้าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ทำให้ต่อมาไม่สามารถขายได้ รวมความเสียหายในระบบประมาณกว่า 3 แสนบาท ยังไม่รวมค่า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และค่ายิงแอดโฆษณาวันละ 700 บาท หากคิดรวมประมาณ 6 แสนบาท จึงเข้ามาแจ้งความดังกล่าว
ด้าน "ทนายตั้ม" โพสต์เตือน คลิปโยง "The icon group" กำลังถูกลบ ตำรวจอย่านิ่งดูดาย เผยวันอังคารนี้ เหล่าทนายและนักช่วยเหลือสังคม แท็คทีม พาเหยื่อ แจ้งความดำเนินคดี "บอสทุกคน"