เมื่อวันที่ 12 ต.ค.67 ตำรวจไซเบอร์ กองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ร่วมกับ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.สระแก้ว เปิดปฏิบัติการ "อรัญ 710" บุกทลายซัพพลายเออร์บัญชีม้านายทุนจีนฝั่งปอยเปต ตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ บัญชีม้าที่ซัพพลายเออร์ จัดหา ผลิต และนำส่ง ตามออเดอร์ของนายทุนจีนฝั่งปอยเปตเหล่านี้ ถูกนำไปใช้ในการรับโอนเงินจากอาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในส่วนของ คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และอื่น ๆ

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี พบศพ น.ส.สุดารัตน์  อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ หลังก่อเหตุกระโดดลงจากเรือข้ามฟากขณะเรือแล่นข้ามฟากจากด้านท่าน้ำนนทบุรี ไปยังท่าน้ำฝั่งบางศรีเมือง จมดิ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเกิดความเครียดที่เข้าไปสมัครทำงานกดไลน์เพื่อหารายได้เสริม แล้วถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุน ก่อนใช้อุบายหลอกให้โอนเงินในช่วงวันที่ 5 -6 ก.ย. 67 รวม 8 ครั้ง จนหมดเกลี้ยงบัญชีกว่า 338,000 บาท โดยยอดเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด เตรียมไว้ไปไถ่ถอนโฉนดที่ดินที่จำนองไว้ กระทั่งในช่วงเย็นของวันเดียวกันได้ตัดสินใจจบชีพต้วเอง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2  นำกำลังเข้าจับกุมน.ส.ซันมา อายุ 19 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ  นายอุทัย อายุ 44 ปี ชาว จ.สระแก้ว และนายมาณพ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 930,932,933/2567 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 ได้มีข้อสั่งการให้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีให้ได้ โดย พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อม พ.ต.ท.สมิทธิกิจ อินทรหอม รองผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.สอท.2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 นำหมายค้นศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 158-160/2567 ลงวันที่ 6 กันยายน 2567 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ จ.สระแก้ว จำนวน 3 จุด จุดแรกเป็นบ้านสวน เลขที่ 93 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมจับกุม นายอัครเดช มีเสงี่ยม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.952/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ  น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา (น.ส.ปิ๊ง) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.956/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 

จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 224 ม.10 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายบุญโจม สืบสุวรรณ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.953/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 น.ส.เกตุสุดา ทิพย์รักษา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.954/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และ น.ส.สุนารี อาษา อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.955/2567 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567

จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 215 ม.1 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมจับกุมตัว นายพิทวัส รุณมอญ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.931/2567 ลงวันที่ 26 กันยายน 2567

พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ กล่าวว่า จากการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่เปิดบัญชี และรับสแกนหน้าถอนเงินออกจากบัญชีของน.ส.สุดารัตน์อายุ 28 ปี ชาว จ.นครพนม ผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การว่ายังมรผู้กระทำความผิดในคดีนี้ ซึ่งเป็นขบวนการจัดหาบัญชีม้า และอำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชีม้า และพบความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้กระทำความผิด โดยมรการแบ่งหน้าที่ในการกระทำความผิด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสาใารถออกหมายจับกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มได้อีก 5 ราย ประกอบด้วยนายอัครเดช มีเสงี่ยม อายุ 34 ปี นายบุญโจม สืบสุวรรณ อายุ 36 ปี น.ส.เกตุสุดา ทิพย์รักษา อายุ 35 ปี น.ส.สุนารี อาษา อายุ 33 ปี และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา อายุ 36 ปี และเข้าค้นบ้านเป้าหมาย 3 จุด

โดยเชื่อว่าสถานที่ทั้ง 3 จุด เป็นสถานที่สั่งการ อาจจะมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหา บัญชีเงินฝาก และจาการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งจัดหาคนที่ต้องการหารายได้จากการรับจ้างเปิดบัญชีม้า , ผลิต เปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคารต่าง ๆ โดยใช้บัญชีเริ่มต้นจากบัญชีผู้ที่จัดหามาในตอนแรก และใช้แอพของทางธนาคาร กับโทรศัพท์เครื่องใหม่ โดยมีผู้รับจ้างเปิดบัญชีเป็นผู้สแกนหน้าและยืนยันตัวตน และเปิดตามออเดอร์ที่ได้รับมาจากนายทุนจีนว่าต้องการบัญชีแบบไหน จำนวนเท่าใด , นำส่ง เมื่อเปิดบัญชีหรือลงข้อมูลโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดำเนินการจัดส่งโทรศัพท์ที่ทำขึ้นใหม่พร้อมตัวคนไปให้กับนายทุนจีนที่อยู่ฝั่งปอยเปต  , บัญชีแบบสินทรัพย์ดิจิตอล จะจัดทำเพื่อข้ามดินแดนจากประเทศไทยไปแล้ว , มีการแบ่งประเภทบัญชี 2 ประเภท 1.บัญชีที่ตายช้า  2. บัญชีที่ตายเร็ว

โดยจากการสืบสวนพบว่า นายอัครเดช มีเสงี่ยม และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา (น.ส.ปิ๊ง) จะเป็นผู้พาคนขายบัญชีม้า เพื่อไปพบคอยแสกนหน้า,เปิดสินทรัพย์ดิจิตอล ฝั่งเพื่อนบ้าน โดยจะรับยอดมาจากบอสฝั่งเพื่อนบ้าน เพื่อให้บอส จัดส่งโทรศัพท์ให้ตามจำนวนของคนขายบัญชีม้า และมีนายหน้าจัดหาคนมาให้ตามที่ต้องการ โดยได้ส่วนแบ่ง นายหน้า ได้หัวละ 3,000 บาท คนขายบัญชีม้าได้บัญชีละ 2,500 บาท และ
ถ้าคนขายบัญชีม้าคนไหนมีสมุดบัญชี(บัญชีตายช้า) จะได้บัญชีละ 8.000 บาท และ นายหน้าสามารถเปิดบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ ได้บัญชีละ 100,000 บาท โดยนายอัครเดช มีเสงี่ยม และ น.ส.ศิวตา รัตนดวงตา (น.ส.ปิ๊ง) จะพาข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและรับกลับมาประเทศไทย เมื่อบัญชีตาย โดยรับเป็นเงินสดตามยอดที่แจ้งไว้

และจากข้อมูลดังกล่าว จะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป เพ่่อตัดวงจรนายหน้าในการพาคนไทยไปเปิดบัญชีม้าที่เป็นต้นตอของการหลอกลวงประชาชนซึ่งการเปิดบัญชีม้าฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหยุดยั้งต้นตอการกระทำความผิดไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติต่อไป อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับทั้งสิ้น 10 ราย จับได้แล้ว 9 ราย และอยู่ระหว่างติดตามตัวอีก 1 ราย