ชุดสืบสภ.หนองปรือร่วมสืบภาค2 บุกทลายเครือข่ายนายทุนรับจำนำรถเถื่อน ผู้เสียหายอื้อ มูลค่าทรัพย์สินกว่าสิบล้านบาท

 

จากกรณีมีกลุ่มผู้เสียหายหลายสิบราย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ หลังนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปจำนำไว้กับนายปริญ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปีหรือไทด์ โดยใช้ชื่อในโลกโซเชียลหนึ่ง พฤติกรรมจะทำตัวเป็นนายทุนเงินกู้ โดยจะรับจำนำรถเถื่อน ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ทุกชนิด โดยไม่ต้องใช้เอกสารใดๆประกอบ แค่เพียงนำรถมาจอด ก็จะโอนเงินให้ทันที และเมื่อลูกค้านำรถมาจอด นายไทด์ก็จะนำรถของลูกค้า ส่งไปจำนำต่อกับนายทุนในเครือเดียวกันทันที ในราคาที่เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว บางคันก็ส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน บางคันก็ชำแหละขายเป็นอะไหล่มือสองทันที

   จากการสอบสวนนายไทด์  ได้ให้การซัดทอดไปยังเครีอข่าย ที่รับจำนำรถยนต์รถจักรยานต์ต่อจากตน ทางเจ้าหน้าที่ชุดสีบสวนฯสภ.หนองปรือนำโดย พ.ต.ท.สมชนก ฟักไพโรจน์ รองผกก.สส.สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.อภิชาติ บุญเกิด สว.สส.สภ.หนองปรือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ. หนองปรือและชุดสืบสวยตำรวจภูธรภาค2 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านในหมู่ที่ 13 ภายในซอยวัดธรรมสามัคคี โดยมีชาย อายุ 54 ปี แสดงตน หลังนายไทด์ให้การซัดทอดว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นผู้รับช่วงจำนำรถไว้ขายต่อ จากการตรวจค้น ตำรวจไม่พบรถของกลางแต่อย่างใด ตรวจสอบพื้นที่ลานกว้างใกล้ๆกัน พบรถยนต์จอดอยู่หลายคัน เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นรถของกลางหรือไม่ เนี่องด้วยนายต๋อย ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอย่างละเอียดและได้ตรวจยึดรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีเทาดำทะเบียน  ชลบุรี,คอมพิวเตอร์1เครื่อง และปืนขนาด.357พร้อมเครื่องกระสุนปืนไว้ทำการตรวจสอบต่อไป

   ต่อมาทางชุดสืบฯได้เข้าตรวจสอบบ้านของนายอ๊อฟ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายไทด์เช่นเดียวกัน จากการตรวจค้นพบรถจยย.ต้องสงสัยจำนวน 3 คัน เป็นรถจยย.ยี่ห้อX-MAX สีแดงทะเบียน ชลบุรี,ฮอนด้าเวฟ110ไอ สีน้ำเงินดำทะเบียนชลบุรี และฮอนด้าเวฟ110ไอสีแดง ทะเบียนชลบุรี ซึ่งนายอ๊อฟ ได้แสดงตนเป็นผู้รับซื้อขายมาจากนายไทด์จริง โดยไม่รู้ว่ารับจำนำรถมาโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งตนแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมส่งคืนเจ้าของทันที

  เบี้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินคดีกับนายไทด์ ในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยไม่อนุญาติให้ประกันตัว เนี่องจากเป็นคดีทื่มีผู้เสียหายหลายสิบราย ยังเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์อย่างต่อเนื่อง และจะขยายผลไปยังเครือข่ายที่ยังมีอีกหลายรายในเขตพื้นที่อ.บางละมุง และพื้นที่ใกล้เคียง