พาดูขั้นตอนการทำว่าวจุฬา 9 ศอก ใหญ่ที่สุดในโลก ติดลายดอกเบญจรงค์ 5 สี กว่า 10,000 หมื่นดอก เตรียมจัดงานเทศกาล “ เล่นว่าว กินข้าวหนำกัน ”  ของชาวไทยเชื้อสายลาวเวียง ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กลางเดือน พ.ย. นี้ 

วันที่ 11 ต.ค. 67 มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ร่วมกับวัดพระศรีอารย์ และผู้นำชุมชน ได้ประชุมเตรียมพร้อมจัดงานเทศกาล ที่ชื่อว่า “ เล่นว่าว กินข้าวหนำกัน ” ของชาวไทยเชื้อสายลาวเวียง ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2567  ที่บริเวณลานหน้าวัดพระศรีอาร์ อ.โพธาราม  ซึ่งทางชมรมวัดพระศรีอารย์ ได้จัดทำว่าวจุฬา 9 ศอก  เป็นว่าวจุฬาไทยโบราณใหญ่ที่สุดในประเทศ และใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมติดลายดอกเบญจรงค์ 5 สี บนตัวว่าวกว่า  10,000  หมื่นดอกอย่างสวยงาม  การทำว่าวจุฬาตัวนี้มีความยากมาก ต้องอาศัยความชำนาญ และความเชี่ยวชาญในการเลือกไม้ไผ่สีสุก เป็นไม้ที่มีเนื้อหนา แข็งแกร่ง ลำต้นมีอายุพอเหมาะในการนำมาเหลาให้มีความเลื่อม  ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าที่จะนำมาขึ้นโครงว่าวจุฬาได้ตามรูปทรงที่ได้ขนาด และยังต้องมีการสักเชือก การตอกลายดอกแต่ละสี และการนำกระดาษมาติดบนตัวว่าว  ติดลายดอกแต่ละชั้นล้วนแล้วแต่ต้องใช้ความอดทนมีสมาธิ และความประณีต   

นายบุญรอด นาคศิธร ผู้เชี่ยวชาญการทำว่าวจุฬาจากจังหวัดสมุทรสงคราม  ได้เป็นผู้ริเริ่มทำว่าวจุฬาโบราณ  ที่มีความใหญ่เป็นตัวแรกของประเทศ เคยนำว่าวตัวใหญ่แบบนี้ไปเล่นที่ลานหน้าวัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรีมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน  ในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ  มาปีนี้ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ร่วมกับวัดพระศรีอารย์  มีแนวคิดนำว่าวตัวใหญ่นี้  มาซ่อมแซมให้กลับมามีความสวยงามเป็นสีสันไฮไลท์ของการจัดงาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจ  มาชมความยิ่งใหญ่ และความอลังการของงานว่าวไทย  ที่ได้จัดขึ้นเป็นปีแรกด้วย    

 

นายบุญรอด นาคศิธร ผู้เชี่ยวชาญการทำว่าวจุฬา กล่าวว่า  ว่าวนี้เรียกว่าว่าวจุฬา ความยาวของอก 4.50 เมตร เรียกว่า 9 ศอก  ความใหญ่ถ้ายาวตลอดขาเป็นว่าว 6 เมตรก็คือ 3 วา  ตั้งแต่หัวจรดปลายขาว่าว ตัวนี้ใหญ่ที่สุดสามารถปล่อยลอยขึ้นบนฟ้าได้  เป็นประวัติศาสตร์ของว่าวจุฬาไทย  ที่นำขึ้นบนท้องฟ้าที่วัดพระศรีอารย์มาแล้ว  ส่วนปีนี้จะเอาว่าวตัวนี้  นำไปโชว์ในงานว่าวลาวเวียง เป็นว่าว 9 ศอก นำไปเป็นไฮไลท์ของการจัดงาน  ซึ่งถ้าทำใหม่ทั้งตัวน่าจะอยู่ประมาณ 1 เดือน  แต่ตัวนี้ที่เคยทำไว้อยู่ที่วัดพระศรีอารย์  ทำประมาร 14 วัน  ตั้งแต่เริ่มลงมือดัดไม้ เหลาไม้ เป็นไม้ไผ่สีสุก ที่มีความเหนียวของไม้   มีการติดดอกเป็นลายเบญจรงค์  5 ชั้น 5 สี ทั้งตัวว่าว ใช้ดอกติดประมาณกว่า 10,000 ดอก  โดยนางปริญญา นุชศิริ ได้ตอกลายในกระดาษสีแล้วนำมาติดบนตัวว่าว  ซึ่งมีความยากในการทำ และมีความสวยงามหลังทำเสร็จแล้ว อยากให้มาชมดูว่าวตัวนี้   ในงานว่าวชาวไทยเชื้อสายลาวเวียง ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่เตรียมจัดในเดือน พ.ย. นี้  

ส่วนขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก  จะอยู่ที่การเหลาไม้  การเพาะไม้  ไม้อกจะเพาะ  3 ต่อ  เพาะ 2 ชั้น  แล้วจึงมาเหลาให้เป็นไม้โครงเพื่อมาทำอกว่าวอันเดียว  ใช้เวลาเหลาไม้อกประมาณ 3 วัน  ส่วนปีกกับขาเป็นไม้ของเก่าที่ซ่อม  ต่อปลายปีก ต่อปลายขาที่ชำรุด นำมาดัดไม้ให้ตรง  แล้วมาผูกวงใหม่ ก็เหมือนกับว่าวที่ทำใหม่ที่จะต้องรื้อสักเชือกใหม่ เฉพาะสักเชือกของว่าว 9 ศอก จะต้องใช้ความอดทนเพราะต้องเดินรอยว่าวอยู่ทั้งวันประมาณ 8 ชม. ต่อวัน ในการเดินสักเชือกรอบตัวว่าว 

สำหรับว่าวเบญจรงค์  เป็นว่าวที่ติดดอกลายสวยงาม  เรียกว่าเบญจรงค์ เพราะในตัวว่าวจะเป็นลายดอก 5 สี 5 ชั้น ต่อ 1 ดอก  ว่าวตัวนี้จะใช้การติดดอกจำนวนมาก  วันนั้นจะได้เห็นว่าวจุฬาลายเบญจรงค์ตัวแรกที่ใหญ่ที่สุดอยู่วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี  ในประเทศไทยมีตนเองที่ทำว่าวแบบนี้มา  3 ตัวแล้ว โดยนำไปอยู่ที่วัดพระศรีอารย์ แล้วนำกลับมาซ่อมใหม่คือตัวนี้ถือเป็นตัวที่ 2 แล้ว  ส่วนอีกตัวอยู่บ้านอาจารย์ท่านหนึ่งและเปื่อยพังไปตามเวลา  การเล่นว่าวจะเล่นตอนเย็น ได้ออกกำลังกาย การทำว่าวต้องใช้สมาธิในการทำ ฝึกความอดทน ต้องทำว่าวให้เกิดความสวยงาม  ขึ้นอยู่กับสมาธิ และสติปัญญามารวมกัน  จึงจะทำว่าวสำเร็จ ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้  ก็ไม่สามารถทำว่าวสำเร็จได้    อย่างการติดดอกลายบนตัวว่าว  จะต้องอาศัยความประณีต อดทน จึงจะทำได้ 

สำหรับการว่าวจุฬา 9 ศอก ซึ่งมีความใหญ่ เวลาที่จะขยับตัวว่าวแต่ละครั้ง จะต้องใช้คนประมาณ 3 คน ในการหามและพลิกตัวว่าว  เมื่อติดกระดาษ ติดลายเบญจรงค์เสร็จจนสวยงาม และใช้คนอีกราว 3 - 5 คน ในการช่วยกันยกตัวว่าวจุฬาขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปไว้ที่วัดพระศรีอารย์  เตรียมการจัดงานเทศกาลว่าวลาวเวียงในช่วงวันที่ 19 - 20 พฤศจิกายน 2567 นี้