เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 11 ต.ค. 67 ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกรณีบริษัท The icon group บริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ โดยมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ว่าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) น.ส.ทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มผู้บริโภค (สคบ.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม พล.ต.ต.วิทยา​ ศรีประเสริฐ​ภาพ​ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม 

 

จากนั้นเวลา 18.10 น. น.ส.จิราพร แถลงภายหลังการประชุมว่า จากการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ซึ่งขณะนี้มีผู้ร้องเรียนจำนวน 250 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 95 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เป็นการเก็บข้อมูลหลักฐาน และจะดูว่าจะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐานอะไรบ้าง เช่น การหลอกลวง การเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ หรือเป็นการขายตรง รวมถึงผิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุดอย่างช้าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะสามารถสรุปผลได้

 

เมื่อถามว่า จะให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งเรามีความกังวลว่า จะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ซึ่งได้ให้ บก.ปคบ. มีหนังสือไปถึง ปปง. พิจารณาในการที่จะอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ซึ่งทางปปง. เองได้มีการเฝ้าระวังทรัพย์สินอยู่ หากมีการยักย้ายถ่ายเทผิดปกติก็เข้าข่ายการฟอกเงิน ก็ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เฝ้าระวังทรัพย์สินและเฝ้าดูบัญชีอยู่

 

เมื่อถามว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์ จะได้ความชัดเจนในเรื่องต่างๆ เช่น การตั้งข้อกล่าวหา  การให้เป็นคดีพิเศษ หรือการอายัดทรัพย์ใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ตอบว่า อีก 1 สัปดาห์ก็จะทราบผลของการสืบสวนข้อเท็จจริง จากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ส่วนจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น มีหลักเกณฑ์ว่าต้องมีผู้เสียหาย 300 คนขึ้นไป 

 

และมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้เกณฑ์แล้ว ทั้งนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบสวนด้วย ทั้ง สคบ. อย. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็ต้องเข้าไปร่วมสอบสวนด้วย

 

เมื่อถามว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงประเด็นการออกหมายจับดาราด้วยหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการเรียกอินฟลูเอนเซอร์สอบปากคำต่อไป ส่วนประเด็นนี้ทาง สคบ. ดูประเด็นการโฆษณาอยู่ โดยวันที่ 16 ต.ค. สคบ. จะเรียกบริษัท The icon group และอินฟลูเอนเซอร์ มาให้ปากคำ และจะมีการสอบสวนในวันนั้น 

 

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินดาราที่เป็นข่าวด้วยหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ก็ต้องขยายผลให้ครอบคลุม เพราะมีเครือข่ายเยอะ และตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลมา ซึ่งถ้าดาราเข้าข่ายก็ต้องมาให้ปากคำกับตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการร้องเรียนตั้งแต่ ปี 65 แต่ทางสคบ.ไม่รับเรื่อง เนื่องจากไม่เป็นคดีเกี่ยวกับผู้บริโภค วันนี้เป็นคดีเกี่ยวกับผู้บริโภคแล้วใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ตอบว่า ขณะนั้นมีมาร้องเรียนกว่า 10 ราย ถ้าดูตามพฤติการณ์แล้วเป็นลักษณะของการร่วมลงทุน ซึ่งตอนนั้นสคบ.มองว่า ไม่ใช่ผู้บริโภคโดยตรง แต่ก็ได้มีการ เชิญมาให้ข้อมูลหลายรายและหลายรายก็ได้ยุติไปเอง เข้าใจว่าได้รับการเยียวยาและได้รับเงินคืนในบางเคส ซึ่งตนได้เน้นย้ำว่า ประเด็นใดที่เกินขอบเขตอำนาจของ สคบ. ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะเชิญ สตช. ปปง. และดีเอสไอ ทำงานร่วมกันเพื่อขยายผลต่อไป

 

เมื่อถามว่า กรณีที่มีเอกสารหลุดว่า สคบ. ส่งเรื่องไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อส่งไปแล้วก็ไม่มีการติดตามเรื่องนี้อีกเลย ถือว่าหมดหน้าที่เรื่องนี้หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า เมื่อปี 61  สคบ.ได้รับเรื่องตรวจสอบบริษัท The icon Group ซึ่ง สคบ.ไม่ได้มีอำนาจตรวจสอบ จึงได้ทำหนังสือไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ อย. โดยทาง อย. ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่าได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้วในปี 62 

 

น.ส.จิราพร กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้หารือกับ ผบ.ตร. และได้มีการตรวจสอบหนังสือที่ส่งไปว่า มีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ถ้ามีการสอบสวนในขณะนั้นและมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะนำมาใช้ในการสืบสวนข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย แต่ถ้ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีคำสั่งลงโทษทางวินัย โดยไม่มีการละเว้น ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เข้าใจว่า ก็ได้มีการมาให้ข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ด้วย โดยทาง สคบ. ก็จะทำหนังสือสอบถามอีกครั้ง เพื่อสอบถามความคืบหน้า 

 

น.ส.จิราพร ยังชี้แจงกรณีปรากฏภาพ สคบ. มอบโล่ให้กับ “บอสพอล” ว่า ตอนนั้นเป็นทางบริษัทได้เข้ามาบริจาคหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ให้กับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรในต่างจังหวัด ซึ่ง สคบ. เข้าไปเป็นวิทยากรร่วม และได้เสนอชื่อได้รับโล่รางวัลเกี่ยวกับการทำสาธารณะประโยชน์ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประกอบธุรกิจ 

 

“ในประเด็นนี้ได้สั่งการ สคบ. ให้เข้าไปตรวจสอบ ถ้าใช้โล่รางวัลผิดวัตถุประสงค์ หรือไปโฆษณาว่า เป็นการประกอบธุรกิจหรือเอื้ออำนวยประกอบธุรกิจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดก็จะเรียกคืนโล่รางวัล ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ “ที่บอกมีเทวดาที่ สคบ.นั้น”  ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนสบายใจว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นคนนอก เพื่อให้มีความโปร่งใสมากที่สุด“ น.ส.จิราพร กล่าว

 

เมื่อถามว่า  ส่วนดาราที่ถูกเรียกว่าบอส แต่ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีตำแหน่ง เข้าข่ายความผิดในการหลอกลวงหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า “ต้องไปชี้แจงกับตำรวจ ชี้แจงกับสื่อไม่เกิดผล”