วันที่ 11 ต.ค.67 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการดำเนินงานก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาว่า กทม.ได้ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากระยะทางทั้งหมดประมาณ 88 กิโลเมตร (กม.) แบ่งเป็นความรับผิดชอบของ กทม. 80 กม. ของเอกชนและหน่วยงานราชการ 3.65 กม. และช่วงแนวฟันหลอ 4.35 กม.

 

ในช่วงระยะ 80 กม. กทม.ก่อสร้างคันกั้นน้ำเริ่มที่ความสูง 2.80 เมตรเทียบระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) บริเวณช่วงสะพานพุทธฯ ถึงสุดเขตกรุงเทพ ส่วนช่วงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานพุทธฯ ความสูง 3.00 ม.รทก. ช่วงสะพานกรุงธนฯ ถึงสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ความสูง 3.25 ม.รทก. และช่วงจากคลองบางเขนถึงสะพานกรุงธนฯ ความสูง 3.50 ม.รทก.

 

โดยในปี 2565 กทม.พบปัญหาจากน้ำเหนือและน้ำหนุนริมแม่น้ำเจ้าพระยา 120 จุด แบ่งเป็น แนวป้องกันของ กทม.รั่วซึม 76 จุด ความยาวรวม 12.20 กม. ของเอกชน 12 จุด ความยาวรวม 2.15 กม. แนวฟันหลอ 32 จุด ความยาวรวม 4.35 กม. ปัจจุบันแก้ไขไปแล้ว 64 จุด ส่วนจุดฟันหลอแก้ไขไปแล้ว 14 จุด และคาดว่าจะเสร็จภายในปี 2567 จำนวน 2 จุด

 

ส่วนจุดที่ยังไม่แล้วเสร็จจะใช้กระสอบทรายทดแทน เนื่องจากบางจุดเป็นพื้นที่ของเอกชนและหน่วยงานอื่น รวมถึง บางจุดอยู่ระหว่างจัดสรรงบประมาณของ กทม.และอยู่ระหว่างออกแบบดำเนินการต่อไป

 

นายวิศณุ กล่าวว่า ภาพรวมของแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือได้ประมาณ 2,500 - 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) โดยไม่ล้นตลิ่ง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีการปล่อยน้ำในระดับประมาณ 2,200 ลบ.ม./วินาที รวมถึง ปัจจุบัน (10 ต.ค.) ปริมาณน้ำไหลผ่านที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เฉลี่ยอยู่ที่ 1,830 ลบ.ม./วินาที หากเทียบในวันเดียวกัน เมื่อปี 2554 อยู่ที่ 3,288 ลบ.ม./วินาที ปี 2565 อยู่ที่ 3,197 ลบ.ม./วินาที จากข้อมูลดังกล่าว สถานการณ์น้ำเหนือ ณ เวลานี้ จึงยังไม่น่ากังวล เพราะปริมาณน้ำยังไม่ถึงระดับเฝ้าระวัง เช่น สถานีวัดน้ำ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบัน (10 ต.ค.) วัดได้ 2,338 ลบ.ม./วินาที ระดับเฝ้าระวังอยู่ที่ 3,660 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยา วัดได้ 2,119 ลบ.ม./วินาที ระดับเฝ้าระวัง อยู่ที่ 2,730 ลบ.ม./วินาที สถานีจุดวัดน้ำบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา วัดได้ 1,830 ลบ.ม./วินาที ระดับเฝ้าระวังอยู่ที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที อย่างไรก็ตามต้องติดตามสถานการณ์การปล่อยน้ำและปริมาณฝนอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมด้านการช่วยเหลือและด้านต่าง ๆ ต่อไป