“เจ๊นุชบางเตย” วอนสังคมให้โอกาส อย่าเพิ่งด่วนสรุป ยอมรับเครียดจนเกือบฆ่าตัวตาย ยันสนิท "แม่ตั๊ก" แค่เรื่องงาน
วันที่ 10 ต.ค.67 เวลา 18.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน น.ส.ณปภัช หรือ เจ๊นุชบางเตย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หนีไปไหนอยู่บ้านตลอดแต่เป็นบ้านหลังใหม่ อีกทั้งนับจากเกิดเรื่องก็ได้ให้ทนายความคอยประสานกับทางตำรวจ ปคบ.มาโดยตลอด ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใดเพราะบริสุทธิ์ใจจริง
“ทั้งนี้อยากขอทุกคนให้โอกาส อย่าเพิ่งมองว่าเป็นคนผิด วันนี้ตนนำหลักฐานมามอบให้กับตำรวจเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความบริสุทธิ์ใจหมดแล้ว ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทองของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่มีการแชร์ข้อมูลว่าตนมีทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ได้ชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้วเช่นกัน ว่า ทรัพย์สินของตนมีอะไรบ้าง ส่วนเรื่องทางคดี ขอไม่พูดถึง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นคนให้ข้อมูล”
น.ส.ณปภัช กล่าวอีกว่า ยอมรับว่ารู้จักกับแม่ตั๊กมาตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นเอฟซี และ เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก ก่อนที่ต่อมาเขาจะติดต่อให้มาช่วยไลฟ์ขายกางเกงในเก็บพุง ส่วนเรื่องระดับความสัมพันธ์ ยืนยันว่าสนิทกับแม่ตั๊กแค่เฉพาะเรื่องงาน เพราะเป็นคู่ค้า เคยซื้อโปรตีน โกโก้ ของเขามาขาย ไม่มีค่าคอมมิชชั่นใดๆ เป็นพิเศษ ส่วนเรื่องคอนเทนต์ช่วยเหลือคน ยืนยันว่าทำเพราะอยากสร้างแรงบรรดาลใจพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากเคยลำบากมาก่อน หลังจากนี้จะไม่ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้อีก แต่ก็อยากให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของนุชด้วย
“ยอมรับว่าหลังเกิดเรื่องยังมีติดต่อกับเมียหรั่งอยู่บ้าง เรื่องการเข้าพบตำรวจ และ เรื่องสถานที่ที่จะมาพบตำรวจ ขณะที่ในส่วนของแม่ตั๊ก หลังเกิดเรื่องไม่ได้ติดต่อกัน และ ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์รถหรูหรือนาฬิกาหรูของแม่ตั๊ก ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ขอชี้แจงว่าไม่ใช่คดีขายทองแม่ตั๊ก เป็นคนละคดีไม่เกี่ยวกัน และ คดีทองแม่ตั๊กตนมาให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานเพียงเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยซื้อทองร้านแม่ตั๊กหรือไม่ น.ส.ณปภัช ยอมรับว่า เคยซื้อ เป็นสร้อยข้อมือทองน้ำหนัก 10 บาท ขายร้านทองได้ตามปกติ เช่นเดียวกับปี่เซี๊ยะ ตนก็เคยซื้อมาในราคา 8 หมื่นบาท ตอนขายก็ขายร้านทองได้จริง อาจจะราคาลดลงเหลือ 4 หมื่น แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรานับถือตั้งใจซื้อมาเพื่อบูชา ไม่ได้เน้นกำไร แต่ที่ต้องขายเพราะช่วงนั้นขาดสภาพคล่อง
เมื่อถามว่ายังรักแม่ตั๊กอยู่หรือไม่ ยืนยันว่ายังรักอยู่ แต่ก็อยากให้สังคมแยกแยะ ทุกวันนี้ตนเหมือนฆาตกร ลูกของตนไปโรงเรียนก็ได้รับผลกระทบอยากให้สงสารเด็ก หลังเกิดเรื่องตนเองก็ยอมรับว่าเครียดจนคิดอยากฆ่าตัวตาย ขณะที่สามีตนก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นเดียวกันเพราะป่วยเป็นซึมเศร้า จึงอยากขอโอกาสให้นุชได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ไม่อยากให้ด่วนสรุป
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าแม่ตั๊กเคยซื้อของให้หรือไม่ น.ส.ณปภัช ยอมรับว่าเคยเป็นกระเป๋าดิออร์ซื้อให้เมื่อปี 65 ราคาแสนแปดหมื่นบาท ส่วนปี 66 แม่ตั๊กให้กำไรคาร์เทียร์ แต่หากจะให้บอกว่าแม่ตั๊กนำเงินจำนวนมากมาจากไหน ไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนขยัน เลยไม่ได้คิดหรือสงสัยอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่า รถหรือทรัพย์สินอื่นๆที่ตนมีอยู่ทุกวันนี้ซื้อเองทั้งหมด