วันที่ 10 ต.ค. 2567 ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่สำนักงานกสทช. รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 ได้มีคำสั่งสำนักงาน กสทช.เลขที่ 1016/2567 เรื่องการแต่งตั้งพนักงานซึ่งปฏิบัติงานเป็นการประจำลงนามโดยนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่รักษาการเลขาธิการกสทช. ในเนื้อความของคำสั่งเป็นการให้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ตำแหน่ง รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน และแต่งตั้งให้เป็นพนักงานประจำ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้สัญญาจ้างฉบับปัจจุบันของ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ในตำแหน่งรองเลขาธิการด้านยุทธศาสตร์ฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 มีระยะเวลา 5 ปี สิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2568 ดังนั้นการประเมินผลงานของรองเลขาธิการ ด้านยุทธศาสตร์ฯ ควรจะทำในช่วงต้นปี 2568 ไม่ใช่ขณะนี้ นอกจากนี้ตามระเบียบสำนักงาน ข้อ 29. วรรค 4 ระบุว่า “ให้เลขาธิการ กสทช. เป็นผู้ออกคำสั่งบรรจุ และ แต่งตั้ง หรือแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งตามวรรค 1 โดยความเห็นชอบของ กสทช.” ดังนั้น คำสั่งแต่งตั้งต้องดำเนินการผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกสทช. ทั้งคณะก่อน
นอกจากนี้ คณะกรรมการ กสทช.ชุดที่แล้ว ในการประชุมกสทช. ครั้งที่ 24/2564 วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ในระเบียบวาระที่ 5.3.8 : ข้อเสนอหลักการการปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2555 ได้เคยมีมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร เป็นตำแหน่งพนักงานประจำ (คือเกษียณอายุเมื่อครบ 60 ปีและไม่อยู่ภายใต้สัญญาจ้างเป็นระยะ) โดยต้องเข้าสู่ตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน กสทช. กำหนด โดยความเห็นชอบของ กสทช. ทั้งนี้ กรรมการ กสทช.เสียงข้างมากมีมติว่า “สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กรในปัจจุบัน เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่ง หากมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ ให้บรรจุและแต่งตั้งเข้าเป็นพนักงานประจำต่อไป”
จากคำสั่งที่ลงนามโดยนายสุทธิศักดิ์สะท้อนว่าเป็นการทำการประเมินผลงานล่วงหน้า กว่า 7 เดือน และตามข้อเท็จจริงจากวาระการประชุมคณะกรรมการกสทช.ที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่าประธาน กสทช. เคยนำเรื่องการประเมินผลดังกล่าว เข้ามาสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ กสทช. แต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า คำสั่งแต่งตั้งนายไตรรัตน์ฉบับดังกล่าวที่ลงนามโดยนายสุทธิศักดิ์ ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เกิดขึ้นหลังจากที่นายสุทธิศักดิ์ได้รับแต่งตั้งโดยนายไตรรัตน์ ให้เป็นรักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานกสทช. ตามคำสั่งกสทช.ที่1019/2567 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ที่แต่งตั้งให้นายสุทธิศักดิ์เป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. ระหว่างวันที่ 5-9 ตุลาคม พ.ศ.2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายไตรรัตน์เดินทางไปต่างประเทศ กับ ประธาน กสทช. พอดี
อย่างไรก็ดี ต่อมาในวันที่ 9 ต.ค. ผ่านมาเพียง 2 วัน แหล่งข่าวเดียวกันรายงานว่า นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน กลับทำหนังสือ ถึง ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรบุคคล (อบย.) ขอยกเลิกคำสั่งสำนักงานเลขที่ 1016/2567 ที่ตนเป็นผู้ลงนาม โดยอ้างว่าอาจจะไม่อยู่ในอำนาจของ รักษาการเลขาฯ ที่จะออกคำสั่งในลักษณะดังกล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักงานกสทช.ตั้งข้อสังเกตว่า การแต่งตั้งและยกเลิกคำสั่งในวันเดียวกันนี้ อาจมีความพัวพันและประจวบเหมาะกับการแต่งตั้ง นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน มารักษาการเลขาธิการกสทช.ในช่วงที่นายไตรรัตน์ เดินทางไปต่างประเทศ กับ ประธานกสทช.พอดี ซึ่งนายสุทธิศักดิ์ ก็ทำงานอยู่ใน กสทช. มากว่า 20 ปี น่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี เหตุใดจึงยอมลงนามคำสั่ง และเมื่อนายไตรรัตน์ เดินทางกลับมาก็จะมาเป็นรักษาการเลขาธิการฯตามเดิม ก็เท่ากับเป็นการตั้งเพื่อนมาชั่วขณะ ประเมินผลงานตัวเองให้ผ่าน เป็นพนักงานประจำหรือไม่ แต่เมื่อนายสุทธิศักดิ์ เจอคำทักท้วงจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย จึงต้องรีบยกเลิกคำสั่งของตนเองในวันเดียวกัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า สิ่งที่น่าต้องจับตามองอย่างยิ่งเมื่อ ประธานกสทช. และนายไตรรัตน์ กลับมาจากต่างประเทศ จะยืนยันคำสั่งแต่งตั้งนั้นอย่างไร จะมีการหาทางเลี่ยงไม่ยอมนำเสนอให้ ที่ประชุมคณะกรรมการกสทช. พิจารณา เหมือนครั้งการออกประกาศสรรหาเลขาธิการที่ประธานรวบอำนาจไว้เองอีกหรือไม่