ผู้ช่วยผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ครั้งใหญ่สุดในไทย จับ 2 ผู้ต้องหา พร้อมกว่าหมื่นชิ้น 

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม ที่บ้านพักเเห่งหนึ่งในซอยแฮปปี้แลนด์ทาวน์เฮ้าส์ 4 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.),พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต. ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป., กก.สสน. บก.ป. และ บก.ปอท. ร่วมกันแถลงปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร”  โดยให้ดำเนินการจับกุมผู้แทนเครือข่าย (Retailer) ตู้ซิม ที่กระทำความผิดฯ ตรวจยึด simbox, โทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ดลงทะเบียนแล้ว กว่าหมื่นชิ้น 

โดยบ้านพักของผู้ต้องหาอยู่ภายในซอยแฮปปี้แลนด์ทาวน์เอ้าส์ 4 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น มีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น เป็นบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดภายในซอย โดยภายในห้องเก็บของชั้นใต้ดินพบหลักฐานเป็น SimBox จำนวน 100 เครื่องพร้อมซิมมือถือกว่า 20,000 เบอร์ ซึ่งพบผู้ต้องหา 2 รายเป็นชายไทยอายุ 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและชายชาวจีนอายุ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลควบคุมระบบ

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งที่นี้ ถือว่าใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นการตัดวงจรของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่จะมาหลอกลวงชาวไทย โดยจากการตรวจค้นสามารถยึด SimBox 100 เครื่อง พร้อมซิมมือถือจำนวน 20,000 เบอร์ ซึ่งในการโทรหนึ่งครั้งสามารถโทรออกได้ประมาณ 3,000 เบอร์ สำหรับวิธีการของคนร้ายก็ยังเป็นในรูปแบบเดิม โดยจะอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ครั้งนี้จะมีการหลีกเลี่ยงการเเสดงว่าเป็นเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ เช่น +67 +68 ซึ่งจะมีการตั้งฐานในประเทศไทยเมื่อโทรไปหาผู้เสียหายเบอร์โทรศัพท์จะขึ้นเป็นเบอร์ประเทศไทย (+66) ทำให้ผู้เสียหายไม่ลังเลที่จะรับสายโทรศัพท์

โดยหลังจากนี้ก็จะมีการหารือกับทางกสทช. ถึงมาตรการในการลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่มีการลงทะเบียนมากกว่า 5 ซิมมือถือหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผล ของขบวนการนี้รวมถึงจะมีการตรวจสอบคนรับลงทะเบียนซิม

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ในวันนี้มีการเข้าตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 บ้านเลขที่  538/1 ซอยแฮปปี้แลนด์ทาวน์เฮ้าส์ 4 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พบเครื่อง Simbox จำนวน 28 เครื่อง (เปิดใช้งาน), ซิมการ์ดไทย ทุกเครือข่าย  จำนวนประมาณ 10,000 ซิมมือถือ โดยมีนายธีรภัทร รับเป็นผู้ดูแล 

จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 964 หมู่บ้านสินธร แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พบเครื่องsimbox 20 เครื่อง, ซิมการ์ดไทย เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 2000 ซิมมือถือ

จุดที่ 3 คอนโดแห่งหนึ่งตึก B ชั้น 6 ห้องเลขที่ 562/52 แขวงคลองตัน เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร พบเครื่อง Simbox จำนวน 5 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวนประมาณ 370 เครื่อง, ซิมมือถือที่เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 6000 ซิม โดยมี MR.Chuanguan Lin หรือ เซี่ยวหลิน สัญชาติจีน เป็นผู้ดูแล

จุดที่ 4 คอนโดแห่งหนึ่ง ตึก B ชั้น 7 ห้องเลขที่ 562/68 แขวงคลองตัน เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร พบเครื่อง Simbox จำนวน 39 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 103 เครื่อง, ซิมมือถือที่เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 20 ซิม, เอกสารที่เกี่ยวข้อง และ ธนบัตรสกุลหยวน (ประเทศจีน) จำนวนหนึ่ง

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า การที่พบของกลางเป็นจำนวนมากในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำลายวงจรของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ได้เนื่องจากหลักฐานที่ยึดมานั้นมีจำนวนมาก แต่เชื่อว่าในขบวนการนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการและตัวบงการ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลต่อไป 

จากการสอบสวนชายไทยอายุ 68 ปี รับว่าเป็นเจ้าของบ้าน เดิมก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพเป็นคนขายซิมโทรศัพท์มาก่อนจึงมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเบอร์โทรศัพท์ ได้ประกอบอาชีพนี้มาประมาณ 5 ปี โดยซิมที่ได้มาจะนำมาจดทะเบียนเป็นชื่อตัวเอง กว่า 10,000 เบอร์ โดยได้รับเป็นผลตอบแทน เบอร์ละ 2 บาท ส่วนซิมที่ได้มาได้มาจากการรับซื้อจากตัวแทน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายไทยวัย 68 ปี รับหน้าที่ดูแลระบบ SimBox โดยมีชายชาวจีนเข้ามาดูแลเรื่องระบบ และเซ็ตระบบให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

เบื้องต้นข่ายความผิด 2 ข้อหา คือความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” มาตรา 11 ปรับ 2-5 แสน จำคุก 2-5 ปี และ ร่วมกันทำมีใช้นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม"