13 ตุลาคม 2567 วันสถาปนาครบรอบ 55 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมก้าวสู่ปีที่ 56 เดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนางานบริการโลหิตอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งการรณรงค์จัดหาโลหิต ความก้าวหน้าด้านวิชาการ และเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ด้านเวชศาสตร์การบริการโลหิต เพื่อยกระดับมาตรฐานและความปลอดภัยของโลหิตที่ได้รับบริจาค ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นศูนย์กลางการให้บริการโลหิต เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต และผลิตภัณฑ์ด้านบริการโลหิตของประเทศได้เพียงพออย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้บริจาคโลหิตและผู้ป่วย ด้วยมาตรฐานระดับสากล”
จุดเริ่มต้นของ “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ”
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการประชุมสันนิบาตกาชาด ครั้งที่ 17 ณ กรุงสต็อกโฮม ที่มีมติให้สภากาชาดแต่ละประเทศจัดตั้งงานบริการโลหิตขึ้น โดยยึดถืออุดมคติว่า ผู้บริจาคโลหิตต้องมาด้วย จิตศรัทธา ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรือหวังผลตอบแทนแต่อย่างใด ประเทศไทย จึงได้จัดตั้งแผนกบริการโลหิตขึ้นในกองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2495 เพื่อสนองต่อข้อเสนอของสภากาชาดสากล
ในปี พุทธศักราช 2508 คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้จัดตั้งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และมอบให้สภากาชาดไทย รับไปดำเนินการ จากนั้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2509 แผนกบริการโลหิต กองวิทยาศาสตร์ สภากาชาดไทย ได้ยกฐานะขึ้นเป็น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยมีนายแพทย์เฉลิม บูรณะนนท์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ คนแรก
ย้อนรำลึกเส้นทางประวัติศาสตร์ “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ”
วันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2496 ปีพุทธศักราช 2496 หม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต พร้อมด้วยพระประยูรญาติได้ประทานเงินสร้างตึกรังสิตานุสรณ์ สำหรับใช้เป็นที่ทำการของแผนกบริการโลหิต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “ตึกรังสิตานุสรณ์”
วันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2496พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิต เมื่อทรงดำรงตำแหน่ง อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ลงพระนามในใบสมัครเป็นผู้บริจาคโลหิต เลขที่ 00001 ของประเทศไทย
วันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” จึงถือเอาวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
วันที่ 27 มีนาคม พุทธศักราช 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ” เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ โดยได้รับพระราชทานนามอาคารว่า “อาคารเฉลิมพระเกียรติ บรมราชินีนาถ” เป็นอาคารสูง 11 ชั้น ปัจจุบันเป็นอาคารที่ทำการของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
บทบาทหน้าที่ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นแกนกลางในการจัดหาโลหิตจากผู้บริจาคโลหิตโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีปริมาณเพียงพอ มีคุณภาพความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ ทั้งในรูปโลหิต ส่วนประกอบโลหิต และผลิตภัณฑ์โลหิต นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางห้องปฏิบัติการและข้อมูลด้านบริการโลหิตของประเทศ ธำรงไว้ซึ่งระบบคุณภาพตามมาตรฐานสากล
ตลอดระยะเวลา 55 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ยึดหลักการดำเนินงานบริการโลหิตภายใต้ค่านิยมองค์กร “คุณภาพ รับผิดชอบ เอื้ออาทร” มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรให้เติบโต ก้าวหน้าสู่ความสำเร็จ โดยได้รับการยอมรับจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) แต่งตั้งให้เป็น ศูนย์ฝึกอบรมด้านเวชศาสตร์บริการโลหิตประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2547 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ความก้าวหน้าของงานบริการโลหิตในปัจจุบัน
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้มีการพัฒนางานบริการโลหิตในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับกลยุทธ์การจัดหาโลหิต และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก ส่วนทางด้านวิชาการ มีการศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในงานบริการโลหิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยยึดมั่นในนโยบายคุณภาพ “มุ่งมั่นให้บริการโลหิตและผลิตภัณฑ์โลหิตที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานสากล ด้วยการบริหารระบบคุณภาพที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลัก จริยธรรม ความเสมอภาค และความพึงพอใจของผู้รับบริการ” ส่งผลให้งานบริการโลหิตของประเทศไทย พัฒนาสู่ความเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่สำคัญด้านต่างๆ อาทิ
ด้านการรณรงค์จัดหาโลหิต
การบรรจุความรู้เรื่องโลหิตและการบริจาคโลหิต เป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษของยุวกาชาด หลักสูตรอบรมลูกเสือ ยุวกาชาด ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปลูกฝังค่านิยมแห่งการให้ในกลุ่มเยาวชน ให้สมัครใจเป็นผู้บริจาคโลหิตในอนาคต อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
การจัดกิจกรรมเชิญชวนบริจาคโลหิตให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตามวาระโอกาส และเทศกาลสำคัญต่างๆ ตลอดทั้งปี
ด้านความปลอดภัยของผู้บริจาคโลหิต
โครงการ Harm Free Care เพิ่มคุณภาพความปลอดภัยหลังการบริจาคโลหิต ผู้บริจาคปลอดภัยไม่เป็นอันตรายจากการเป็นลม เพิ่มจุดบริการวัดความดันโลหิต ประเมินอาการ ผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ และผู้บริจาคโลหิตที่มีประวัติเป็นลม หรือมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลังการบริจาคโลหิต
ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่
การผลิตน้ำยาตรวจหมู่โลหิตสำหรับตรวจหาแอนติเจน Dia บนผิวเม็ดเลือดแดงเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับตรวจหมู่โลหิตชนิดใหม่ที่ค้นพบ สามารถใช้ตรวจหาแอนติเจน Dia ในคนที่มีหมู่โลหิต ABO ได้ทุกหมู่
การผลิตผลิตภัณฑ์ยาจากพลาสมา อาทิ แฟคเตอร์ VIII นำไปใช้ในผู้ป่วยโรคพันธุกรรมเลือดออกง่ายหรือฮีโมฟิเลีย เอ, อิมมูโนโกลบูลิน นำไปใช้เสริมการรักษาเฉพาะโรค เช่น โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน, อัลบูมิน นำไปรักษาผู้ป่วยที่มีอาการช็อคจากการขาดสารน้ำ เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อคจากการติดเชื้อ
การผลิตส่วนประกอบโลหิต LDPPC เป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นชนิดที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำมากลดการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ จากการรับโลหิตได้
การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจยืนยันผล HLA ของผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต เพื่อความถูกต้องรวดเร็ว ในการทดสอบความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อผู้บริจาคฯ กับผู้ป่วย
การตรวจหมู่โลหิตเชิงลึกระดับโมเลกุล เพื่อหาหมู่โลหิตพิเศษ “Rh+ (Asian-type DEL)” หรือหมู่โลหิต “อาร์เอชเดลชนิดเอเชี่ยน” ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับโลหิตที่มีความเหมาะสม ลดความเสี่ยง และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษามากขึ้น
ด้านการบริหารระบบคุณภาพ
การได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2015, ISO 15189:2012 , ISO 15190:2020, GMP, มาตรฐานทางวิชาการของห้องปฏิบัติการราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย และล่าสุดได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพงานเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตระดับสากล WMDA Full Standards certification จากองค์กรระดับโลก WMDA เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567
ชวนทำดีครบรอบ 55 ปี ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ในวาระโอกาสครบรอบ 55 ปี แห่งการสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม 2567 ขอเชิญชวนองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ร่วมบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ป่วย เพื่อให้มีโลหิตสำรองคงคลังเพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ สามารถบริจาคโลหิตได้เป็นประจำทุก 3 เดือน ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ หน่วยรับบริจาคประจำที่ 7 แห่ง (Fixed Station) และภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในวาระ 55 ปี แห่งการสถาปนาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ทั้งนี้ โลหิตยังไม่สามารถผลิตด้วยกรรมวิธีอื่นได้ ต้องได้มาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ร้อยละ 77 นำไปให้ผู้ป่วยที่สูญเสียเลือดเฉียบพลัน เช่น ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดและผู้ที่คลอดบุตร ขณะที่ร้อยละ 23 นำไปรักษาผู้ป่วยโรคเลือดชนิดต่างๆ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย และมะเร็งชนิดต่างๆ โดยการบริจาคโลหิต 1 ครั้ง สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 3 ชีวิต