วันที่ 9 ต.ค. 67 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปัจจุบันอยู่ที่ 2,318 ลบ.ม./วินาที ซึ่งมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้  โดยในส่วนของการระบายน้ำยังคงที่ 2,199 ลบ.ม./วินาที โดยส่วนราชการที่บริหารจัดการน้ำในเขื่อนต่างๆ รายงานว่า ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาจะค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ ส่งผลดีต่อการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงวันที่ 13 – 24 ต.ค. ส่วนการเตรียมความพร้อมในพื้นที่กรุงเทพ – นนทบุรี   ได้มีการเตรียมการป้องกันพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันการเอ่อล้นเข้าพื้นที่บ้านเรือนประชาชน 

 

นายจิรายุ กล่าวถึงสถาณการณ์ ในภาคใต้ตอนบนว่า ใน 1-2 วันนี้มีฝนตกหนัก โดยเฉพาะ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณฝนอยู่ที่ 100 – 140 มม. และหากมีการตกต่อเนื่อง ปริมาณฝนเกิน 200 มม. สะสมในพื้นที่จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์น้ำหลากได้ ขอให้ประชาชน ฟังรายงานของ ศปช. และหน่วยงานราชการ อื่นๆ อย่างใกล้ชิด  

 

ขณะที่ กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับมือพื้นที่เสี่ยงและเฝ้าระวังในบริเวณภาคใต้ในช่วงวันที่ 9 -11 ต.ค. โดยในพื้นที่ภาคใต้ ได้เตรียมความพร้อมของเครื่องสูบน้ำ จำนวน 552 เครื่อง บริเวณพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ เพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือได้ทันทีและสั่งการเตรียมเครื่องจักร - เครื่องมือ จำนวนมาก อาทิเครื่องสูบน้ำ 552 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 227 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 44 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ 277 หน่วย 

 

 “ในส่วนของ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 67 ได้รับการแจ้งเหตุดินถล่ม 5 จุด บริเวณเส้นทางเข้าสวนดอกไม้เมืองหนาว บ้านปิยะมิตร หมู่ที่ 2 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ทั้งนี้ แขวงทางหลวงชนบทยะลาได้นำเครื่องจักรกลเข้าเปิดเส้นทางได้ทุกจุดแล้ว รถทุกชนิดสามารถสัญจรได้  กรมทรัพยากรธรณีได้มีการประกาศเฝ้าระวังและมีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังน้ำป่า – ดินถล่ม ช่วงวันที่ 9 – 11 ต.ค. ในพื้นที่ สวนผึ้ง บ้านคา จ.ราชบุรี , หนองหญ้าปล้อง แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี , หัวหิน ปราณบุรี กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ , เบตง ธารโต ยะหา จ.ยะลา

 

​ขณะที่นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช. ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามประเมินสภาพอากาศ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่มเพิ่มเติม และสำรวจข้อมูลความเสียหาย มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม และกำชับหน่วยงานให้ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้แล้วเสร็จภายใน 31 ต.ค.

 

นอกจากนี้ยังมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวดังนี้ 1. กระทรวงกลาโหมเจรจา และพิจารณาขุดลอกลำน้ำสายและสร้างกำแพงป้องกันน้ำ 2. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำรวจพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม โดยเร่งปลูกป่าในพื้นที่ต้นน้ำ 3. พิจารณาศึกษาแนวทางกรณีมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

 

4.มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เร่งสำรวจพื้นที่ความเสียหาย และจัดทำแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว เช่น ขุดลอกลำน้ำปิง ปรับปรุงสะพานเดิมที่เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ 5. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้เข้าสู่สภาวะปกติ 6. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 7. มอบหมายกระทรวงคมนาคม พิจารณาจุดที่มีสะพานข้ามแม่น้ำทุกจุดที่เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ

 

8. มอบหมายคณะทำงาน ศปช. ติดตามสถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่นอกคั้นกันน้ำในจังหวัดชัยนาท อยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี รวมถึงพื้นที่ภาตใต้ที่ขณะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน 9. มอบหมายกรมทรัพยากรธรณีประสานกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทตรวจสอบถนนที่มีความเสี่ยงสูงที่มีโอกาสดินสไลด์ ให้แจ้งเตือนหรือหาวิธีปรับปรุง