ที่ บช.สอท. เมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. รรท.ผบช.สอท. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ให้เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์,มิจฉาชีพและอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน โดยเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และรับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นหลานสาว โทรศัพท์มาหลอกผู้เสียหายว่ามีเหตุต้องใช้เงินด่วน ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินรวมจำนวน 40,000 บาท จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 และ พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.5 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวน เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.5 ได้สืบสวนจนทราบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการคือ นางสาวพีรดาฯ อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับ
กระทั่งวันที่ 7 ต.ค. 2567 พ.ต.ท.โสภณ คงเพชร, พ.ต.ต.สำราญ ล่องเซ่ง พ.ต.ต.ธีรวุฒิ ระเบียบดี สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวน จับกุม นางสาวพีรดาฯ อายุ 20 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ในข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” โดยควบคุมตัวได้บริเวณ หน้าสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
นางสาวพีรดา ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้หลอกให้โอนเงินจริง โดยได้รู้จักกับคนให้เปิดบัญชีให้ผ่านทางเฟชบุ๊คกลุ่มหางานได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 400 บาท
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามา ก่อนที่กลุ่มมิจฉาชีพจะโอนเงินไปยังบัญชีอื่นต่อไป นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า นางสาวพีรดาฯ ยังมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นในลักษณะเดียวกันคือหลอกให้โอนเงินอีก 5 เคสไอดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200,000 บาท
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #ข่าวอาชญากรรม