ปปช.รับคำร้องกล่าวหา อธิการบดีมทร.ธัญบุรี ปมจัดทำเหรียญพระเนื้อทองคำ-อนุมัติงบจ้างบริษัทในเครือข่ายตัวเอง 

 เมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 จากกรณีปัญหาฝ่ายบริหารที่เกิดขึ้นภายใน สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี)  โดยล่าสุดในการประชุม มทร.ธัญบุรี เมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อสรุปในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการอธิการบดีนั้นมีการเรียกร้องให้อธิการบดีฯคนล่าสุดชี้แจงเรื่องการอนุมัติสอบราคาพระทองคำมูลค่า 1.5 ล้านบาท 
 
ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ใช้อำนาจตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง และเรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในการกระบวนการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) โดยใช้เวลา 30 วันนั้น  มีรายงานว่า คณะกรรมการป.ป.ช. ได้รับเรื่องและแจ้งกลับมายังนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา 
 
โดยหนังสือระบุว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ได้รับเรื่องการกล่าวหา นายสมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กับพวก รวม 4 คน ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ดังนี้  

1. กรณีจัดทำและแจกจ่ายเข็มกลัดที่ระลึกพระพุทธพิริยะมงคล โดยนำเครื่องหมายครุฑพ่าห์มาใช้ โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 และจัดทำเหรียญพระเนื้อทองคำพระพุทธพิริยะมงคล เพื่อมอบให้กับบุคลากรผู้เกษียณอายุราชการของมหาวิทยาลัยฯ ประจำปี พ.ศ. 2565 เพิ่มอีกจำนวน 50 เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่าที่ได้ขอรับพระราชานุญาต เนื่องจากได้รับพระราชานุญาตเพียง 5 เหรียญ

 2. กรณีอนุมัติให้ใช้งบประมาณของมหาวิทยาลัยฯ จากเงินกองทุนสวัสดิการของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งอยู่ในหน้าที่การพิจารณาอนุมัติของผู้ถูกร้อง เป็นเงินจำนวน 1,587,500 บาท ในโครงการจัดจ้างทำของที่ระลึกสำหรับบุคลากรที่เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2565 โดยได้ลงนามในสัญญาจ้างกับบริษัท อาร์อาร์พี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ตามสัญญาเลขที่ กค.งรด (จ) 32/2565 ซึ่งเป็นบริษัทในเครือข่ายของผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ และมีข้อสังเกตว่า เหรียญทองคำดังกล่าว มีน้ำหนักไม่ถึง 14 กรัม ดังที่ได้อนุมัติการจัดจ้างและมีราคาที่แพงเกินจริง
   
  กรณีนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64 และเมื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจแล้ว ให้รายงานผลพร้อมแนบสำเนารายงานผลการดำเนินการหรือรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทราบ ตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมดังกล่าวด้วย