หญิงชาวยโสธร ร้องสื่อฯ ถูกโจรลักขโมยแต่คดีไม่คืบ
วันที่ 8 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวงานว่า นางสาวณัฐกานต์ เทพขาม อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 11 บ้านใหม่ชุมพร ตำบลเดิด อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนพร้อมกับได้นำสื่อมวลชนตรวจดูร่องรอยของคนร้ายที่ก่อเหตุงัดประตูหลังบ้านพักของตนเองแล้วเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านหลายรายการหลบหนีไป ซึ่งทรัพย์สินที่ได้ไปประกอบด้วย อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกซาวเออร์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวนกว่า 30 นัด พระเครื่องหลวงปู่ทิม ประมาณ 50 – 70 องค์ ทองคำรูปพรรณ แหวนทอง จำนวน 3 วง กำไลทอง น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 วง ต่างหูหนัก 2 สลึง จำนวน 1 คู่ และกำไลหนัก 1 สลึง จำนวน 2 วง แล้วหลบหนีไปโดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 – 18.00 น.ของวันที่ 4 กันยายน 2567 ที่ผ่านมาขณะที่ผู้เสียหายออกจากบ้านพักเพื่อไปตลาดในอำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
แต่หลังจากเกิดเหตุแล้วได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธรและมีพนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธรเข้าตรวจที่เกิดเหตุพร้อมเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุและอ้างว่าในที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิดจึงไม่มีหลักฐานที่จะติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุเท่าที่ควรจึงทำให้ผู้ก่อเหตุยังคงลอยนวลและวนเวียนก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่เรื่อยไป มิหนำซ้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจยังให้ผู้เสียหายไปหาหลักฐานเองทั้งหมดโดยเฉพาะการส่ง DNA และลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุผู้เสียหายต้องเดินทางนำหลักฐานไปตรวจเองถึงจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอุบลราชธานี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าไม่มีงบประมาณในการใช้ตรวจ DNA ซึ่งเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้วแต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าและทางตำรวจไม่ใส่ใจที่จะติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษอย่างจริงจัง
นางสาวณัฐกานต์ เทพขาม กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.00 – 18.00 น.ตนกับสามีได้ออกจากบ้านพักและได้ปิดบ้านเอาไว้เรียบร้อยเพื่อเดินทางไปตลาดที่อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แต่พอกลับเข้าบ้านก็พบว่าประตูหลังบ้านพักถูกเปิดออกและมีร่องรอยงัดของคนร้ายพอเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินภายในบ้านก็พบว่ามีอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนกว่า 30 นัด หายไป ซึ่งอาวุธปืนที่หายไปเป็นอาวุธปืนของสามีที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ นอกจากนี้แล้วยังมีพระเครื่องหลวงปู่ทิม ประมาณ 50 – 70 องค์ ทองคำรูปพรรณ แหวนทอง จำนวน 3 วง กำไลทอง น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 วง ต่างหูหนัก 2 สลึง จำนวน 1 คู่ และกำไลหนัก 1 สลึง จำนวน 2 วง ที่หายไปด้วยรวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แต่หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ติดตามหรือลงพื้นที่สืบสวนติดตามคนร้ายเท่าที่ควรโดยอ้างว่าในที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิดจึงไม่มีหลักฐานที่จะติดตามตัวของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้ต้องให้ตนเป็นคนไปหาหลักฐานต่างๆมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ต้องสงสัยตนก็เป็นคนชี้ให้ตำรวจไปควบคุมตัวไปสอบสวนแต่หลังจากที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปแล้วก็ปล่อยตัวกลับมาโดยบอกว่าไม่มีหลักฐานที่จะจับตัวได้
นอกจากนี้แล้วตนเองต้องเดินทางนำหลักฐานในที่เกิดเหตุไปตรวจ DNA ที่จังหวัดนครราชสีมาเอง เนื่องจากทางตำรวจแจ้งว่าไม่มีงบประมาณที่จะไปตรวจ DNA ได้ ซึ่งตนมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่จริงจังที่จะติดตามหรือลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเท่าที่ควรจึงทำให้ผู้ก่อเหตุยังลอยนวลและยังคงวนเวียนอยู่ละแวกบ้านพักของตน ตนจึงหวาดกลัวว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหวนกลับมาก่อเหตุอีกครั้งหรือไม่ก็อาจจะนำเอาอาวุธปืนที่ลักไปได้ไปก่อเหตุหรือนำกลับมาทำร้ายตนเองได้จึงอยากจะวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของประชาชนบ้างและได้เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว