ยกให้เป็นสองชาติมหาอำนาจพี่เบิ้มใหญ่แห่งยุคนี้ สำหรับ ประเทศจีน หรือจีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศสหรัฐอเมริกา

แม้ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจภายในของทั้งสองประเทศ ณ ปัจจุบัน กำลังเผชิญกับปัญหาชะลอตัว ซึ่งสหรัฐฯ นั้น ก็ผจญกันมานานหลายปีดีดัก นับตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ หรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้นมาเมื่อช่วงทศวรรษที่แล้ว จนแม้ปัจจุบัน เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ฟื้นดีสักเท่าไหร่

เช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมา ก็เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว จากเดิมที่เคยเติบโตด้วยตัวเลขระดับสองหลัก มา ณ ปัจจุบัน เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา ก็ขยายตัวเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 5 ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า เป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่จีนเป็นต้นกำเนิด และดำเนินมาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด นานตลอดถึง 3 ปี ก็ทำให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนเองไม่น้อยเลยทีเดียว

ทว่า แม้ทั้งสองพี่เบิ้มผจญชะตากรรมกันเยี่ยงนี้ แต่เมื่อมองในสายตาชาวโลก ปรากฏว่า ทั้งจีนและสหรัฐฯ ยังคงครองใจประชาคมโลก และเป็นเสาหลักให้หลายประเทศยึดเหนี่ยว ถึงขนาดแบ่งขั้ว เลือกข้าง ว่าจะไปยืนเข้ากับฝ่ายใดอย่างชัดแจ้ง ก็มีจำนวนมิใช่น้อยด้วยเหมือนกัน

โดยทาง “แกลลัป อิงค์” บริษัทเอกชนด้านการวิเคราะห์ วิจัย และให้คำปรึกษาระดับนานาชาติ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ ก็ได้ดำเนินสำรวจความคิดเห็น หรือจัดทำโพลล์ เกี่ยวกับการให้การยอมรับ หรือนิยมชมชอบ ต่อบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งในที่นี้หมายเอาเฉพาะจีนกับสหรัฐฯ เท่านั้น ของพลเมืองในประเทศทั้งหลายรวมแล้วจาก 133 ประเทศทั่วโลก ก็ได้ผลออกมาว่า

สหรัฐฯ ยังคงได้รับความนิยมชมชอบมากกว่าจีน ตามความคิดเห็นของพลเมืองใน 81 ประเทศ จาก 133 ประเทศทั่วโลก

ขณะที่ จีนได้รับความชื่นชอบมากกว่าสหรัฐฯ ใน 52 ประเทศด้วยกัน

โดยในส่วนกลุ่มประเทศที่ชมชอบต่อสหรัฐฯ นั้น ปรากฏว่า โคโซโว ถูกจัดให้เป็นประเทศที่นิยมและให้การยอมรับต่อสหรัฐฯ มากที่สุด ด้วยจำนวนคะแนน “บวก154 (+154)” เลยทีเดียว

กระแสความนิยมของสหรัฐฯ ในโคโซโว (Photo : AFP)

ทั้งนี้ คะแนนที่เป็นบวกถึง 154 (-154) ใน “โคโซโว” นั้น ก็เป็นตัวเลขคะแนนที่รวมกันระหว่างพลเมืองที่ชื่นชอบสหรัฐฯ กับชื่นชอบจีนที่ปรากฏว่า “ติดลบ” ผนวกรวมเข้าด้วยกัน โดยผู้ที่นิยมชมชอบมีจำนวนคะแนนที่ 78 ส่วนผู้ที่นิยมชมชอบจีนมีจำนวน “ติดลบ 76 (-76)” รวมกันแล้วก็เป็นคะแนน 154 ตามแนวทางการคิดของแกลลัปโพลล์ คือ นำเอาตัวเลขติดลบของผู้ที่ชื่นชอบจีน ไปเป็นตัวเลขของผู้ที่ชื่นชอบสหรัฐฯ เสียเลย

บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า เหตุปัจจัยที่ทำให้สหรัฐฯ ได้รับชื่นชอบในโคโซโว ก็มาจากการที่สหรัฐฯ เข้าไปลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล จนส่งผลให้โคโซโว ประเทศขนาดเล็กในภูมิภาคยุโรป มีสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้นหลังพ้นสงคราม นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็ยังมีความสัมพันธ์ทางทหารกับโคโซโว ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของโคโซโวอีกต่างหากด้วย

ส่วนตัวเลขของพลเมืองที่ให้การชื่นชอบยอมรับต่อจีนมากที่สุด ได้แก่ ประเทศรัสเซีย ที่คะแนน 132 โดยทางแกลลัปฯ นำตัวเลขที่ชาวรัสเซียชื่นชอบต่อจีนแท้ๆ จำนวน 50 ไปบวกกับตัวเลขของชาวรัสเซียที่ไม่ชื่นชอบสหรัฐฯ ที่มีจำนวนคะแนน “ติดลบ 82 (-82)” ไปรวมกันจนได้คะแนน 132 ว่านิยมชมต่อจีน

เหตุปัจจัยที่ทำให้รัสเซีย ไม่ชื่นชอบสหรัฐฯ จนได้ตัวเลขติดลบกว่า 80 คะแนนข้างต้นนั้น ก็เป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ปรากฏว่า สหรัฐฯ เป็นผู้นำชาติพันธมิตรอื่นๆ ดำเนินมาตรการคว่ำบาตร หรือแซงก์ชันต่อรัสเซียนั่นเอง สวนทางแตกต่างกับจีน ที่ดูเหมือนว่าเป็นฝ่ายช่วยรัสเซียในยามที่รัสเซียถูกระดมคว่ำบาตรข้างต้น

ชาวรัสเซียถ่ายภาพคู่กับภาพจำลองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่นำมาจัดแสดงที่กรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ด้วยความนิยมชมชอบ (Photo : AFP)

ขณะที่ชาติและรัฐอื่นๆ อย่างอิหร่าน ก็ถือเป็นประเทศที่นิยมชมชอบต่อจีน มากเป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซีย เมื่อเปรียบเทียบกับความชื่นชอบต่อสหรัฐฯ โดยจีน ได้คะแนนจากอิหร่านไปจำนวน 93 อันเป็นผลจากคะแนนของผู้ชื่นชอบจีนแท้ๆ จำนวน 20 และคะแนนจากผู้ชื่นชอบสหรัฐฯ ที่ “ติดลบ 73 (-73)” ซึ่งคะแนนติดลบของสหรัฐฯ ที่ได้จากชาวอิหร่าน ก็เป็นผลจากความสัมพันธ์ทางการทูตเชิงลบระหว่างกันนับตั้งแต่เกิดปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน เมื่อปี 1979 (พ.ศ. 2522) เป็นต้นมา

ทางด้าน รัฐปาเลสไตน์ ที่กำลังตกเป็นเป้ากระสุนและระเบิดจากการโจมตีของอิสราเอลนั้น ปรากฏว่า ไม่นิยมชมชอบทั้งจีนและสหรัฐฯ ไปด้วยกันทั้งคู่ โดยจีนได้คะแนน “ติดลบ 39 (-39)” ส่วนสหรัฐฯ ติดลบหนักยิ่งกว่า คือได้คะแนน “ติดลบ 65 (-65)” ทั้งนี้ คะแนนของสหรัฐฯ ที่ติดลบในสายตาของชาวปาเลสไตน์ ก็เป็นผลมาจาก “สงครามฉนวนกาซา” ที่สหรัฐฯ สนับสนุนต่ออิสราเอล ให้มาถล่มโจมตีพวกเขาในช่วงที่ผ่านมา นั่นเอง

สวนทางแตกต่างจากอิสราเอล คู่สงครามของปาเลสไตน์ ที่สู้รบกันมาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว จนถึง ณ ชั่วโมงนี้ ที่ปรากฏว่า ให้ความชื่นชอบต่อสหรัฐฯ ด้วยคะแนนรวมสูงถึง 131 มากเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงโคโซโวเท่านั้นที่ได้ 154

โดยคะแนนที่สหรัฐฯ ได้รับความชื่นชอบจากชาวอิสราเอลแท้มีจำนวน 66 และไปผนวกรวมกับชาวอิสราเอลที่ไม่ชื่นชอบจีนอีกจำนวน 65 หรือ “ติดลบ 65 (-65)” เมื่อถามถึงความชื่นชอบต่อจีนในหมู่ชาวอิสราเอล

ขณะที่ ในส่วนของยูเครน ซึ่งต้องพึ่งพาทางทหารจากสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ณ ชั่วโมงนี้ เพราะเผชิญหน้าต่อการทำสงครามกับรัสเซีย ปรากฏว่า ชาวยูเครน ให้ความชื่นชอบต่อสหรัฐฯ รวมแล้ว 97 คะแนน มากเป็นอันดับ 4 รองจากโคโซโว อิสราเอล และโปแลนด์ โดยชาวยูเครน ชื่นชอบต่อสหรัฐฯ แบบแท้จำนวน 32 คะแนน นำไปรวมกับคะแนนติดลบของผู้ที่ชื่นชอบจีน จำนวน “ติดลบ 65 (-65)” รวมแล้วได้ 97 คะแนนอย่างที่เห็น

ทางด้าน การสำรวจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏว่า “เวียดนาม” ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาคที่ชื่นชอบต่อสหรัฐฯ และเป็นอันดับ 5 ของการสำรวจในครั้งนี้ ซึ่งถือว่า พลิกความคาดหมายไม่น้อยเลยทีเดียว จากเดิมที่สองประเทศนี้ เคยเป็นคู่สงครามกันมาก่อน เมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยชาวเวียดนามให้ความนิยมชมชอบต่อสหรัฐฯ รวมแล้วถึง 92 คะแนน อันเป็นผลรวมระหว่างชาวเวียดนามที่ชื่นชอบสหรัฐฯ แท้ๆ จำนวน 47 คะแนน กับคะแนนของผู้ไม่ชื่นชอบจีนที่มีมากถึง 45 คะแนน หรือ “ติดลบ 45 (-45)” สะท้อนให้เห็นว่า เวียดนามหมายพึ่งพาสหรัฐฯ ในยามที่เผชิญหน้ากับจีนในหลายด้านๆ เช่น เศรษฐกิจ รวมถึงกรณีพิพาทดินแดนทางทะเลกับจีน ณ ชั่วโมงนี้