“เคนโด้” พาผู้เสียหาย บุกทวงถามคดี "แม่ตั๊ก"ล่าช้า ด้าน รอง ผกก.ปคบ.แจงคดีเป็นไปตามขั้นตอน เร่งสรุปสำนวนให้ทันครบกำหนดฝากขังภายใน 2 พ.ย.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ต.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ”เคนโด้ช่วยด้วย“ พาผู้เสียหาย เดินทางไปยื่นเอกสารความเสียหายกว่า 400 คน ให้กับตำรวจ บก.ปคบ. เปิดสอบสวนคดี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" กลุ่มผู้เสียหายซื้อทอง "แม่ตั๊ก กรกนก" เข้าทวงถามความคืบหน้ากับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ถึงกระบวนการทำคดีและตรวจสอบเส้นทางการเงิน เส้นทางทรัพย์สินของแม่ตั๊ก รวมทั้งบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ที่อาจเข้ามาแทรกแซงคดีดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยผู้เสียหายมองว่า ที่ผ่านมา กลุ่มผู้เสียหายได้รับข้อมูลและรายละเอียดจากสื่อมวลชนมากกว่าจากตำรวจ ทำให้กลัวว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายจึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาส่งมอบให้ตำรวจในวันนี้
ด้าน พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. ได้ชี้แจงกับผู้เสียหายว่า ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ มีการสอบสวนพยานในทุกมิติ และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาภายในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากไม่เป็นไปตามขั้นตอน พนักงานสอบสวนก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ทั้งนี้หากประชาชนมีหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถนำมามอบให้ตำรวจได้ และหากผู้เสียหายคนใดไม่มาแจ้งความภายในกรอบระยะเวลาดังกล่าว และมาแจ้งความภายหลัง ตำรวจก็สามารถตั้งเป็นคดีใหม่ได้ ขอให้ผู้เสียหายไม่ต้องกังวล
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก "เจ๊นุช" "เมียหรั่ง" และ "ซ้อขวัญ" กลุ่มคนสนิทของแม่ตั๊กให้มาพบภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่มีบุคคลใดประสานติดต่อจะมาพบ ส่วน "กระเป๋า" คนสนิทอีกคนของแม่ตั๊ก ยังไม่ได้มีการออกหมายเรียก แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หรือมีใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็จะดำเนินคดีไม่ละเว้น ส่วนที่ผู้เสียหายตั้งข้อสงสัยว่ามีกลุ่มนายทุนจีนเทา หรือกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ยืนยันว่ายังไม่พบ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ตำรวจจะดำเนินการอะไรต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าเอาหลักฐานจากในโซเชียลมาแล้วจะสามารถดำเนินการได้ เพราะตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานในทุกมิติ และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายรายอื่นๆ สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจท้องที่ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ บก.ปคบ. เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งให้รวมสำนวนมาไว้ที่ บก.ปคบ.แล้ว แต่ขอให้พนักงานสอบสวนแต่ละท้องที่ส่งสำนวนมารวมภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ เพื่อให้ทันส่งฟ้องผู้ต้องหาภายใน 2 พ.ย.นี้