เมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 นายชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิสโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต พร้อมระบุข้อความว่า...

เจียยวี่กวน : ด่านแกร่งแห่งใต้หล้า

๏ ด่านหุบเขาสวยงามเกรงขามชื่อ

ปราการคือป้อมแกร่งแห่งใต้หล้า

ด่านแรกและสุดท้ายแห่งชายคา

ป้อมพิทักษ์อาณาจักรจำหลักใจ

๏ เป็นที่พักผ่อนกายสบายจิต

เหล่าพ่อค้าวาณิชคิดฝันใฝ่

ออกเดินทางค้าขายชายแดนไกล

ทางสายไหมยามสงบมิรบรัน

๏ เป็นกับดักบัญชาฆ่าริปู

ปิดประตูตีสุนัข ณ ที่นั่น

จับตะพาบในอ่างอำพรางครัน

อดีตอันเลือดดาลสะท้านดิน

๏ เนิ่นนานเวียนผลัดศตวรรษ

สุขสงัดเงียบสงบย่อมจบสิ้น

ร่องรอยกาลเวลานานกลืนกิน

ทรายลมรินความหลังยังเริงแรง

๏ อิฐทับเมืองก้อนฝากชื่ออันลือชา

อิฐคำสั่งเทวาผู้กล้าแกร่ง

ตราบป้อมอิฐดินด้านกันดารแดง

ประทับแห่งเนินนานเล่าขานคม

๏ ได้ชื่อวีรบุรุษดุจคำกล่าว

ทอดตัวยาวพาดฟ้อนมังกรห่ม

จากแดนดินภูฟ้าท้าทายลม

ปรายตาชมกำแพงแกร่งชื่อนาม ๚

มหา สุรารินทร์

พฤ.18 กันยายน 2567 เวลา 09.23 น.

ด่านเจียยวี่กวน เมืองเจียยวี่กวน มณฑลกานซู่

“ด่านเจียยวี่ กำแพงเมืองจีนฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ป้อมปราการเจียยวี่กวน” ตั้งอยู่ในบริเวณแหล่งโบราณสถานเชิงวัฒนธรรมเจียยวี่กวน เมืองเจียยวี่กวน มณฑลกานซู่ ประเทศจีน

ด่านเจียยวี่นี้ก็คือการเป็นจุดปลายสุดและจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนทางฝั่งทิศตะวันตก ที่นี่เป็นปราการด่านสำคัญของการเข้าออกเมืองจีนในยุคก่อนบนเส้นทางสายไหม ซึ่งถือเป็นเส้นทางการค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเส้นหนึ่ง ปราการด่านนี้ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “The First and Greatest Pass under Heaven หรือ ด่านแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า” อีกด้วย

ด่านแห่งนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกเรื่องเมื่อรัชกาลจักรพรรดิหมิงเจิ้งเต๋อ แห่งราชวงศ์หมิงได้มีการบูรณะด่านเจียยวี่กวนขึ้นใหม่ แม่ทัพเฮ่าคง ผู้มีนิสัยโหดร้ายเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง โดยมีนายช่างฝีมือดีนามอี้ไคจั้น ผู้มีความสามารถในการวางแผนและคำนวณการใช้วัสดุก่อสร้างได้อย่างแม่นยำดั่งเทพคำนวน จนเฮ่าคงเกิดความอิจฉา หมายจะชีวิตโดยให้คำนวณจำนวนก้อนอิฐที่จะใช้สร้างป้อมขึ้นใหม่ อี้ไคจั้นใช้เวลาครุ่นคิดอย่างรอบคอบไม่นานก็ตอบว่า “ต้องใช้อิฐจำนวนทั้งสิ้น 99,999 ก้อน” เมื่อ เฮ่าคงได้ฟังดังนั้น จึงฉวยโอกาสขมขู่ถ้าใช้อิฐมากหรือน้อยขาดเกินเพียงก้อนเดียว นอกจากชีวิตของเขาและคนงานของเจ้าทั้งหมดจะต้องทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทนนาน 3 ปี เทพคำนวนเดินดินผู้นี้ตอบรับอย่างไม่หวั่นเกรงคำข่มขู่ เขาควบคุมคนงานนับพันก่อสร้างป้อมขึ้นอย่างยากลำบากทั้งวันคืนนานกว่าร้อยวันจึงแล้วเสร็จ โดยเขาได้ใช้อิฐไปรวมทั้งสิ้น 99,999 ก้อน และเหลืออิฐอยู่อีกหนึ่งก้อน จึงได้นำไปวางไว้บนด้านตะวันตกของขอบกำแพงเวิ่งเฉิง เมื่อเฮ่าคงมาตรวจงาน พบว่ามีอิฐเหลืออยู่ก้อนหนึ่ง จึงหมายจะทวงเอาชีวิตของอี้ไคจั้นตามคำสัญญา อี้ไคจั้นจึงตอบว่า “อิฐก้อนที่ท่านเห็นนั้นคือ “อิฐทับเมือง” ที่เซียนเทพบนสรวงสวรรค์ได้ประทานมาให้ เพื่อความมั่นคงของด่านเรา และหากใครกล้านำอิฐก้อนนี้ออก กำแพงทั้งหมดจะพังทลายลงมาในทันที เฮ่าคง เสียหน้าอย่างมาก แต่จำนนด้วยเหตุผล ทุกวันนี้ “อิฐทับเมือง” ก้อนนั้นยังคงตั้งอยู่บนกำแพงด้านตะวันตกของเวิ่งเฉิงโดยไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้าย เพื่อเป็นการสดุดีในความสามารถทางวิศวกรรมอันยอดเยี่ยมของอี้ไคจั้น

ปล.ขอบพระคุณข้อมูลจาก หนังสือ เส้นทางสายแพรไหมในจีน จากซีอานสู่คาราโครัม โดย ปริวัฒน์ จันทร สำนักพิมพ์สารคดี จัดพิมพ์