วันที่ 8 ต.ค.2567 เวลา 09.50 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมวิปฝ่ายค้านถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9-10 ต.ค.นี้ว่า วันที่ 9 ต.ค.ลาคมจะมีรายงานที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม 4 ฉบับ, กฎหมายเกี่ยวกับประมวลที่ดิน ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. เป็นผู้เสนอ รวมถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ประชามติที่ทางวุฒิสภาแก้ไขกลับมาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติจะรับตามที่ สว.แก้ หรือจะยืนยันร่างของ สส. ส่วนกระทู้ถามในวันที่ 10 ตุลาคมนั้น ต้องรอติดตาม
เมื่อถามว่า แนวทางต่อจากนี้ สส. มองทางออกเรื่องประชามติอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เท่าที่มีการพูดคุยกันวิปรัฐบาลก็เห็นตรงกับวิปฝ่ายค้าน ซึ่งเราคงมีการยืนยันในหลักการของร่างที่ สส.ส่งไปให้ และคงต้องมีการตั้ง กมธ.ร่วมกันเพื่อเข้าไปพิจารณาว่าท้ายที่สุดแล้วจะออกมาเป็นเช่นไร
“สิ่งที่ผมกังวลและตั้งข้อสังเกตไว้คือ ไทม์ไลน์ตอนแรกวางแผนกันไว้ว่าจะทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า และเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งหากทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ในคราวเดียวกันก็น่าจะประหยัดงบประมาณได้เยอะ และสะดวกกับประชาชนในการออกมาใช้สิทธิ์ หากมีการตั้ง กมธ.ร่วมกันอาจจะกระทบไทม์ไลน์ แต่ผมยังมั่นใจว่าหากทุกฝ่ายเห็นพ้องกัน เป็นประตูบานแรกที่จะนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นฉบับของประชาชนจริงๆ และหากทุกคนที่เข้าไปเป็น กมธ.ร่วม พิจารณาด้วยความรวดเร็วและรอบคอบเพื่อให้ทัน ตนคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ หากจำเป็นต้องใช้เวลาและเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ผมคิดว่าสภาฯ ควรพิจารณาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อให้การประชามติสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปีหน้า” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากประชามติไม่ทันช่วงต้นปีหน้า แล้วต้องจัดเอง อาจทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์น้อย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าขั้นแรกเราพยายามทำให้ทันก่อน และคิดว่าหากทุกฝ่ายไม่มีเจตนาที่จะถ่วงเวลาแล้วร่วมกัน ก็สามารถทำได้อยู่แล้ว หาก กมธ.พิจารณาเสร็จเร็วแล้ว สภาฯ สามารถขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ ก็มั่นใจว่าประชามติสามารถเสร็จทันท่วงทีได้ เพราะทาง สว.ก็ไม่ได้แก้หลายประเด็น
เมื่อถามว่า มีการประสานไปยังพรรครัฐบาลหรือประธานสภาฯ เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่าหลังวันที่ 9 ต.ค.คงต้องมีการพูดคุยกับ กมธ.ร่วมก่อน หากการวางแผนเป็นไปได้ด้วยดี วางแผนได้ว่าจะเสร็จสิ้นช่วงไหน ก็สามารถพูดคุยกับประธานสภาฯ ต่อได้ ตนคิดว่าไม่น่ามีปัญหา และสส.ทั้งสภาฯ ก็น่าจะเห็นพ้องต้องกัน
เมื่อถามถึง กรณีที่ สว. มองว่าหาก สส.อยากแก้ ก็สามารถใช้กฎหมายประชามติฉบับปัจจุบันดำเนินการได้เลย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนมองว่าอยากให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์พร้อม น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ยืนยันว่ายังเป็นไปได้อยู่
เมื่อถามต่อว่า การไม่ใช้กฎหมายประชามติปี 64 เพราะกังวลว่าอาจจะไม่ผ่านใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากเราใช้ฉบับใหม่น่าจะมีความชอบธรรมกว่า เพราะมีหลายประเด็นที่ สส.ได้แก้ไข และยืนยันว่ายังมั่นใจว่าประเด็นที่ สว.แก้ไขมานั้น ไม่ต้องใช้เวลานาน
เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดแล้ว การมาตั้ง กมธ.ร่วม แล้วนำกฎหมายกลับไปที่แต่ละสภาฯ แต่ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้กฎหมายฉบับนี้ต้องพักไป 6 เดือน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องพิสูจน์ความจริงใจ เพราะที่ผ่านมาก็มีคนครหาว่าเป็นการถ่วงเวลาหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีการประชามติ ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งต้องตั้งเป็นข้อสังเกตว่าแต่ละฝ่ายมีความจริงใจเรื่องนี้อย่างไรบ้าง