ปัตตานีระทึก เรือประมงชาวไทยอัปปางในมาเลเซีย รอด1 เสีย 1 สูญหาย 3 ครอบครัววอนทางการไทยช่วยนำร่างกลับมา
จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ชาวประมงประเทศมาเลเซีย ได้พบกับเรือประมง KFH 2199 ได้อัปปางอยู่น่านน้ำประเทศมาเลยเซีย ฝั่งไทรบุรี เมืองปลิศ โดยมีผู้รอดชีวิตอยู่บนเรือที่คว่ำอยู่ 1 คน จึงทำการช่วยเหลือ ส่วนอีก 4คน ยังไม่พบตัว กระทั้งมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการกู้เรือ ปรากฏว่าระหว่างลากเรือมายังฝั่งไทนบุรีได้มีศพลอยขึ้นมา1ศพ เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งต่อที่โรงพยาบาลในประเทศมาเลเซียเพื่อพิสูจน์ว่าศพรายนี้คือใคร ส่วนอีก 3คนยังไม่พบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ยังคงออกค้นหา
โดยผู้รอดชีวิต ทราบชื่อคือ“ด้านนายปาตัส เจ๊ะมุ ผู้รอดชีวิตเล่าว่า เรือที่ตนทำงานถูกเรือสินค้าชน โดยได้ยินเสียงดังปั้งแรงมาก ตนสองคนกับไต้ก๋งชื่อนายเจ๊ะมุได้ออกมาดู แต่เรืออับปางทันที ไต้ก๋งเจ๊ะมุ ดำน้ำลงไปเพื่อช่วยเหลือลูกเรืออีก3 คนที่ติดอยู่ในเก๋งเรือ หลังจากนั้นไต้ก๋งเจ๊ะมุ ก็ไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย ช่วงที่เรือจมนั้นเป็นช่วงกลางคืนมีฝนตกหนักและมีพายุลมแรง ตนพยายามปืนขึ้นไปอยู่บนตัวเรือที่พลิกคว่ำลอยโผล่ผิวน้ำ ซึ่งกินน้ำทะเลประทังชีวิตเป็นเวลา 3 วันกว่าจะมีเรือประมงมาพบเห็นและได้ช่วยชีวิตไว้”
กระทั่งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวของนางอารดา รักบุรี เป็นคน ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้ทราบข่าวจากทางการมาเลเซียว่า เรือประมง KFH 2199 ที่คนในครอบครัวของนางอารดาทำงานได้ถูกเรือบรรทุกสินค้าชนและเรือได้อัปปางลง ในน่านน้ำมาเลยเซีย ฝั่งไทรบุรี เมืองปลิศ มีลูกเรือรอดชีวิต 1 คน เสียชีวิต 1คน และสุญหายอีก 3 คน
หลังทราบข่าว นางอารดา พร้อมด้วยญาติจริงเดินทางไปที่ประเทศมาเลยเซียทันที่ โดยเธอได้ยื่นยันว่าศพผู้เสียชีวิตนั้นคือพ่อของตน คือ นายอิบร่อเหม (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี(ลูกเรือ) เนื่องจากจำได้ว่าพ่อใส่ฟันปลอม แต่ทางการมาเลเซียยังไม่อนุญาติให้นำศพกลับประเทศไทย ต้องรอพี่สูจน์ DNA อีกครั้ง สำหรับผู้รอดชีวิต1 คน ทราบชื่อคือ นายปาตัส เจ๊ะมุ อายุ 49 ปี(ลูกเรือ)เป็นเพื่อนร่วมงานของพ่อ
ส่วนผู้สูญหายในทะเลจำนวน 3 คนนั้นเป็นญาติของนางอารดา ทราบชื่อ คือ1)นาย เจ๊ะมุ จำปีพันธ์ อายุ 56ปี คนจ.ปัตตานี(ไต๋เรือ)2) นายอดิศักดิ์ ตำภู อายุ 46ปี คนจ.สงขลา(ลูกเรือ)และ3) นายวีรศักดิ์ ยีโหนด เป็นคนสตูล(ลูกเรือ) โดยทั้ง3คนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการ์ดังกล่าว คาดการณ์ว่าเรือได้อัปปางเมื่อ วันจันทร์ ที่ 23 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากขาดการติดต่อ กระทั้งชาวประมงได้เจอกับเรือลำดังกล่าว วันที่ 25 ก.ย. 2567
ด้านญาติได้ออกมาขอความช่วยเหลือให้ทางการไทยช่วยดำเนินการนำศพที่อยู่ประเทศมาเลยเชียกลับมาโดยเร็วเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม เนื่องจากทางการประเทศมาเลยเซียยังไม่อนุญาติให้นำกลับมาได้ ต้องรอตรวจ DNA โดยมีการอ้างว่าต้องใช้เวลา 1เดือน แต่ลูกสาวผู้สียชีวิตได้ยืนยันแล้วว่าเป็นพ่อจริงๆ ซึ่งญาติมีความเป็นห่วง เพราะนานเกินไป อีกทั้งอยากให้ทางการไทยช่วยเร่งออกตามหาทั้ง 3ทั้งคนที่สูญหาย ซึ่งทางญาติๆยังมีความหวัง เนื่องจากพบว่าเสื้อชูชีพ 3 ตัว ได้หายไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับครอบครัวผู้ตายและผู้สูญหาย โดยนางสุภาวรร (สงวนนามสกุล) ญาติผู้เสียชีวิต และผู้สุญหายทั้ง3 คน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังทราบข่าว วันเสาร์ตนและญาติได้เดินทางไปที่จุดเกิดที่ประเทศมาเลเซียทันที เมื่อไปถึงก็ทราบได้เลยว่าเป็นเรือที่ญาติได้ออกเรือลำนี้ไป และยังทราบอีกว่ามีคนรอก 1คน จากสมาชิก5คน ซึ่งเรือได้อัปปางที่น่านน้ำระหว่างประเทศมาเลเซีบกับ ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือสินค้าและเรือประมง ส่วนการค้นหานั้น ตนได้ติดตามกับเถ่าแก่เรือว่ามีการค้นหาจริงไม การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างไร ก็ได้คำตอบมาว่ายังคงมีการออกค้นหาอยู่
นางสุภาวรร เผยอีกว่า ระหว่างการกู้เรือก็มีนักดำน้ำจาก จ.สงขลา มาร่วมภารกิจนี้ด้วย ตอนเจ้าหน้าที่ดำน้ำ ตนและญาติก็หวังทีแรกว่า ทั้ง4 คน คงติดอยู่ในเรือ แต่ก็ไม่พบ กระทั้งระหว่างลากเรือจากจุดเกิดเหตุมายัง ลังกาวี และลากต่อมายังฝั่งไทนบุรี เพื่อทำการพลิกเรือและสูบน้ำออก ปรากกว่ามีศพได้ลอยออกมา เจ้าหน้าที่จึงนำศพไปพิสูจณ์ที่โรงพยายาล เจ้าหน้าที่ยังคงมีการสูบน้ำออกออกเรือหวังว่าจะมีอีก3 คนที่ติดอยู่แต่ก็ไม่พบใคร ก็ยังมีความหวังอยู่ เพราะในเรือมีเสื้อชูชีพ 5 ตัว ติดมากับเรือ 2 ส่วนอีก 3ตัวหายไป ซึ่งตนหวังไว้ว่าทั้ง3 คนอาจจะเอาตัวรอดได้
นางสุภาวรร เผยตอนท้ายว่า ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลประเทศมาเลเซีย ตนก็ขอวิงวอนกับทางการไทยช่วยประสานงานให้กับสมาชิกครอบครัว เพราะตนก็ไม่รู้จะพึงใคร มีทางเดียวคือทางการไทยที่ตอนนี้เราพึงได้ เพราะศพอยู่ที่มาเลเซียนานแล้ว ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ 10กว่าวัน พวกเรารอด้วยใจที่หดหู่ และตั้งความหวังว่าอยากจะนำศพกลับมาบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาโดยเร็ว พวกเรา ขอร้องและวิงวอนให้หน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเป็นความหวังของครอบครัว
นางอารดา (สงวนยามสกุล)ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ที่เธอบอกว่าเป็นศพของพ่อ ได้ให้สัมภาษร์ว่า อยากให้ช่วยเร่งการตรวจDNA ทางการมาเลใช้เวลานานเป็นเดือน ซึ่งขอตนยืนยันว่าเป็นพ่อของตน เพราะหมอบอกว่ามีฟันปลอม ตนถามญาติว่าคนในเรือมีใครใส่ฟันปลอดหรือเปล่า ทุกคนบอกว่าไม่มีใครใส่ นอกจากพ่อของตน
ส่วนสาเหตุที่ทางการมาเลบอกว่านาน ซึ่งเขาบอกว่ามีงานเยอะ วันนึงต้องทำงานหลายพันคน ซึ่งไม่มีช่องทางไหนเอากลับมาได้ เขาบอกว่าให้รออย่างเดียว
เสียใจกับเหตุการณืที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย พ่อเป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นเสาหลังของครอบครัว พ่อรักในอาชีพนี้อยู่แล้ว พ่อทำงานมานาน กว่า 30 ปี ส่งเงินมาให้ที่บ้านตลอดไม่เคยขาดเลย ส่วนเรื่องอนาคต ตนก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวดูแลคนในครอบครัวต่อ ตนเป็นห่วงอย่างเดียวก็สภาพจิตใจของแม่ เพราะตอนนี้มียังคงตกใจ และเสียใจอยู่