เด็กพปชร.ลุยบี้กกต.เชือดอุ๊งอิ๊ง รัฐบาลเมิน ปลุกม็อบไล่ -พิชัยอวยนายกฯ -โดดเด่นบนเวทีโลก  พิชัย ยืนยัน นายกฯ ทำผลงานโดดเด่บนเวทีโลก พูดภาษาดอกไม้ ดึงต่างชาติลงทุน วอนเลิกอคติ อย่าจ้องจับผิดวิจารณ์ปมไอแพด ด้านสมคิดเผยสนธิเตรียมปลุกม็อบเรื่องปกติ รัฐบาลไม่กังวล พร้อมพูดคุยด้วยเหตุและผล  ขณะที่ เรืองไกร ร้อง กกต. ตรวจสอบอุ๊งอิ๊ง ถือหุ้นบ.ประไหมสุหรีฯ เกินร้อยละ 5 หรือไม่ ต้องพ้นเก้าอี้รมต.หรือไม่      

 เมื่อวันที่ 6 ต.ค.67 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ทันทีที่กลับถึงไทยตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการประชุม ACD summit ที่ประเทศกาตาร์ ว่าเป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยอย่างยอดเยี่ยม เป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศจำนวนมาก มีผู้นำหลายประเทศมาขอร่วมถ่ายภาพด้วย ล่าสุดติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME ในเวทีต่างๆ นายกฯยังได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้นำกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) การเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาตั้ง Data Center หรือสถานที่จัดเก็บข้อมูลในประเทศไทย ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจอย่างมาก เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ คูเวต โอมาน     

 นายพิชัย กล่าวว่าตนจึงแปลกใจที่มีการหยิบยกภาพๆ เดียวที่นายกฯ ถือไอแพดขึ้นมาตัดต่อ บิดเบือน ในเรื่องการสื่อสารในเวทีระดับโลก ตนรู้สึกว่าเป็นการวิจารณ์ที่ล้าสมัย ไม่รู้ข้อเท็จจริง และธรรมเนียมปฏิบัติในเวทีโลก ไม่ยุติธรรมต่อคนทำงาน จึงต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบิดเบือนใส่ร้าย ในฐานะผู้ที่นั่งอยู่ร่วมในวงประชุมต่างๆ กับนายกฯทั้งในเวทีใหญ่ และเวทีทวิภาคี      สำหรับข้อวิจารณ์ว่านายกฯ อ่านจากไอแพด นักวิจารณ์บางรายไปบิดเบือน ตนขอเรียนว่าในเวทีสากลแบบนี้ ทุกอย่างที่อยู่ในห้องประชุม ทั้งการสนทนา การนำเสนอวิสัยทัศน์ การให้ข้อแถลงต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมดโดยละเอียด ตนนั่งในห้องประชุมหลังนายกฯ จึงได้เห็นว่าผู้นำทุกชาติ เขาอ่านกันทั้งหมด เพราะเขาระวังความผิดพลาด ถ้าพูดผิดจะทำให้บันทึกการพูดผิดไปด้วย การอ่านทั้งจากเอกสาร หรือไอแพดก็ดีจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุมที่ทุกประเทศเขาทำกันหมด     

 ส่วนในการเจรจา Bilateral หรือทวิภาคีกับชาติต่างๆ ตนนั่งอยู่ในห้องด้วย นายกฯพูดเองทั้งหมด นำการประชุมทวิภาคีได้สมศักดิ์ศรี ต้องเข้าใจก่อนด้วยว่าในการร่วมเวทีระดับสากล จะมีวงหารือทวิภาคีหลายวง และประเด็นในการสนทนา หรือ Suggest Talking Points ที่แต่ละชาติจะหยิบยกขึ้นมาหารือกัน ก็ไม่เหมือนกันทั้งสิ้น การมีกระดาษโน้ต หรือไอแพดไว้ในมือ เพื่อเหลือบมองหัวข้อบ้างตามสมควร จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสามารถทำได้ เพื่อให้ประเด็นที่เราหยิบยกขึ้นมาดำเนินไปด้วยความถูกต้องกับที่เราเตรียมการมา ผู้นำชาติต่างๆ ก็ทำแบบนั้นทั้งสิ้น นายกฯพูดได้ไหลลื่นมองไอแพดเป็นครั้งคราวเพื่อดูเพียงหัวข้อ ที่ต้องชมมากคือการเจรจา Bilateral ครั้งแรกกับประเทศอิหร่านซึ่งสุดหิน เพราะเพิ่งมีสถานการณ์สดๆ ร้อนๆ แต่นายกฯสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม พูดให้เขาสบายใจ ด้วยภาษาดอกไม้ ไม่เข้าข้างใคร ให้ประเทศไทยอยู่ตรงกลาง และในช่วงการสัมภาษณ์สรุปประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วม ACD summit กับสื่อมวลชนไทยก็ทำด้วยดี จนพวกเราทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้วยหันมาชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน        

ทั้งตัวผม และผู้ที่ร่วมในการประชุม ทั้ง นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รมว. ต่างประเทศ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริเดช เลขาธิการนายกฯ เราได้อยู่ด้วยในทุกฟอรัมที่นายกฯ เข้าร่วม เรายังยืนคุยกันชื่นชมนายกฯ สามารถทำได้ดีเยี่ยม เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ อย่างวงทวิภาคี ผมยังต้องใช้เวลาฝึกเป็นปีกว่าจะสามารถดำเนินการได้ แต่นายกฯสามารถทำได้ดีในครั้งแรก จึงอยากออกมาให้ข้อมูลอีกด้าน ในฐานะที่อยู่เหตุการณ์จริง ขอให้เลิกอคติ จับผิดเรื่องเล็กน้อย วันนี้ขอชวนคนไทยให้กำลังทีมไทยแลนด์ที่ช่วยกันทำงานอย่างหนัก เพื่อเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยจะดีกว่า 

นายพิชัย กล่าว      ที่ ม.ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาประกาศว่าชุมนุมเดินครั้งสุดท้ายในชีวิต ลงถนนไล่รัฐบาลในช่วงต้นปีหน้า ขณะนี้รัฐบาลมีการเตรียมรับมืออย่างไร ว่า เรื่องนี้คงไม่ต้องเตรียมรับมืออะไร เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เข้าใจ ซึ่งอย่างน้อยเรื่องการแสดงออกทางการเมือง รัฐบาลไม่เคยปิดกั้น ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยในการนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ จนถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ คงจะไม่ต้องเตรียมการอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติ แต่จะเรียกร้องอะไรก็สามารถยื่นเป็นหนังสือมาได้ ซึ่งต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ว่าต้องการอะไรบ้าง และรัฐบาลสามารถทำอะไรได้บ้าง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมการและไม่ได้วิตกกังวลอะไร      เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่าพร้อมเปิดโอกาสให้เข้ามาพูดคุยกัน นายสนธิได้ประสานมายังรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการประสานงาน ขอให้ดำเนินการก่อน หากนายสนธิประสานมาตนและรัฐบาลก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพูดคุย ซึ่งนายกฯอาจจะมอบหมายให้รองนายกฯ หรือบุคคลอื่นภายในรัฐบาลเป็นผู้ประสานงานก็ได้ ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ โดยยืนยันว่ารัฐบาลก็พร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว     

 เมื่อถามถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาระบุว่านโยบายของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นนโยบายขายชาติ นายสมคิด ย้อนถามกลับว่า มันจะขายตรงไหน นายจตุพรก็พูดไปเรื่อย มันไม่มีใครขายชาติหรอก มันมีแต่เรื่องใครทำผิดกับทำถูก ถ้าทำผิดก็บอกมาว่าทำผิดเรื่องอะไร มันไม่มีทางที่จะผิดไปทุกเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลทำตามความต้องการประชาชนส่วนมาก มันทำให้คน 67 ล้านคน ได้ดั่งใจคงไม่ได้ แต่ว่าต้องยอมรับเหตุและผลของกัน ไม่ใช่มาต่อว่าว่าขายชาติอย่างนี้ มันเป็นคำพูดที่เป็นวาทกรรมที่ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร    

  ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายจตุพรออกมาระบุนโยบายการเช่าที่ดิน 99 ปี มันเลยชั่วอายุคน อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและมองว่าเป็นการขายชาติ นายสมคิด กล่าวว่า ก็ยังไม่มี ยังไม่ได้เริ่มเป็นแนวคิด ทุกอย่างเป็นแนวคิด ซึ่งวิธีการอะไรที่จะหารายได้เข้าสู่ประเทศรัฐบาลก็พยายามจะทำ แต่เรื่องที่จะขายชาติขายแผ่นดินไม่มี รัฐบาลไหนก็ไม่ทำ   

เมื่อถามว่า การออกมาสร้างกระแสการชุมนุม จะเกิดเป็นไฟไหม้ฟางหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ประชาชนก็ต้องตื่นรู้ด้วย คนที่ออกมาเคลื่อนไหวบางคนก็พูดเอาแต่ได้ ไม่พูดข้อเท็จจริง ซึ่งหากพูดข้อเท็จจริงปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกคนสามารถเห็นต่างได้ แต่อย่าสร้างวาทกรรมที่ทำลายประเทศ      เมื่อถามถึงความนิยมของ น.ส.แพทองธารอาจจะมาจากบารมีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั้น นายสมคิด กล่าวว่า กระแสความนิยมอยู่ที่ประชาชน ซึ่งในฐานะรัฐบาลหากประชาชนนิยมก็ต้องขอขอบคุณ แต่หากไม่นิยมก็จะต้องทำให้นิยม เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งคนจำนวนมากจะทำให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งกระแสนิยมก็เป็นเรื่องปกติ วันนี้นิยม พรุ่งนี้อาจจะไม่นิยมแล้ว อยู่ที่ผลงานของรัฐบาลเป็นหลักมากกว่า


ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ ตนส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละห้า หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
    
 นายเรืองไกร กล่าวว่า คำร้องดังกล่าว มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ข้อ 1. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ลำดับที่ 3 ปรากฏชื่อน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 16,950,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละประมาณ 45.11 โดยแจ้งแยกเป็น 4 รายการ คือ 1,300,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 2700001-4000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/09/2539 และจำนวน 650,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 100011-750010 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543 และจำนวน 10,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 24000001-34000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 02/04/2540 และจำนวน 5,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 4000001-9000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543
    
 ข้อ 2. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ลำดับที่ 4 ปรากฏชื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นจำนวนรวมทั้งสิ้น 16,949,990 หุ้น คิดเป็นร้อยละประมาณ 45.10 โดยแจ้งแยกเป็น 4 รายการ คือ 1,300,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 1400001-2700000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/09/2539 และจำนวน 649,990 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 750011-1400000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543 และจำนวน 10,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 14000001-24000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 02/04/2540 และจำนวน 5,000,000 หุ้น ระบุเลขหมายใบหุ้น 9000001-14000000 ลงวันที่ 10/04/2545 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 06/07/2543
    
 ข้อ 3. ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งขอคัดมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 พบว่า เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 กรรมการบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ซึ่งระบุว่า คัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ทุนจดทะเบียน 375,750,000 บาท แบ่งออกเป็น 37,575,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ผู้ถือหุ้นไทย 5 คน โดยลำดับที่ 3 ปรากฏชื่อน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นจำนวน 33,899,990 หุ้น เลขหมายใบหุ้น 100011-34000000 ลงวันที่ 5/9/2567 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/9/2539 แ
    
 ข้อ 4. ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา หัวข้อ บ.ที่สอง! นายกฯแพทองธาร โอนหุ้น ประไหมสุหรีฯ 169.4 ล. ให้ พินทองทา พี่สาว ลงข่าวไว้บางส่วนดังนี้
     
  นอกจาก บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด (ALPINE GOLF & SPORTS CLUB CO.,LTD.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 (นายกฯคนที่ 31 เป็นนายกฯสุภาพสตรีคนที่ 2 ของทำเนียบนายกฯ) โอนหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้น มูลค่าตามทุนจดทะเบียน 224.1 ล้านบาท ให้แก่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นมารดา โดยนำส่งนายทะเบียนเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว
   
  ถัดมาเพียง 1 วัน น.ส.แพทองธารได้โอนหุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชื่อ บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือเดิมชื่อ บริษัท แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอฟ ซี (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 16,949,990 หุ้น มูลค่า ประมาณ 169.4 ล้านบาท (ตามทุนจดทะเบียน) คิดเป็นสัดส่วน 45.10 % ของทุนจดทะเบียน ไปให้ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ (เอม) พี่สาวด้วยเช่นกัน
    
 ข้อ 5. จากข้อมูลข้างต้น จึงน่าจะเชื่อได้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้โอนหุ้นของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 16,949,990 หุ้น ให้แก่น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เมื่อต้นเดือนกันยายน 2567 เนื่องจากเลขหมายใบหุ้น 100011-34000000 ลงวันที่ 5/9/2567 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 26/9/2539 ที่แจ้งใหม่นั้น ได้รวมเลขหมายใบหุ้นที่เคยเป็นของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไว้ด้วย
   
  ข้อ 6. ดังนั้น การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567 มาจนถึงปัจจุบัน แต่ตามแบบ บอจ.5 วันที่ 5 กันยายน 2567 ของบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งมาโอนหุ้นจำนวน 16,949,990 หุ้น ในบริษัทดังกล่าวให้น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ กรณี จึงอาจทำให้น่าเชื่อได้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 กรณีดังกล่าวจึงอาจเป็นเหตุความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ตามมาได้
    
 ข้อ 7. เกี่ยวกับข้อกฎหมายกรณีดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2567 ลงวันที่ 31 มกราคม 2567 ก็ได้วินิจฉัยตีความไว้ชัดเจน กกต. จึงสามารถใช้ประกอบตรวจสอบได้ ข้อ 8. จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับพยานเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงน่าจะเพียงพอเพื่อให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ตรวจสอบว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2567 ซึ่งเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
    
 นายเรืองไกร สรุปว่า ในคำขอท้ายหนังสือ ตนจึงขอให้ กกต. ตรวจสอบเป็นแต่ละประเด็นดังนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหรือคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด ต่อไปในระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 4 กันยายน 2567 ซึ่งเกินกว่าร้อยละห้า ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 หรือไม่ กรณีดังกล่าวจะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่
    
 อนึ่ง ขอให้นำข้อเท็จจริงตามคำร้องลงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่ง กกต. ลงเลขรับที่ 12094 มาถือเป็นความปรากฏเพื่อนำไปพิจารณาเพิ่มเติมว่า กรณีการถือหุ้นเกินร้อยละห้าในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จะทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ประกอบมาตรา 187 ด้วยหรือไม่ และหากตรวจสอบแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องมีมูล ขอให้ กกต. รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว ตามความในมาตรา 170 วรรคสาม พร้อมทั้งมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ตามความในมาตรา 82 วรรคสอง ด้วย